ประวัติศาสตร์คอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตง

ประเทศจีนได้ใช้แนวทางในการปฏิวัติอุตสาหกรรมของตัวเองแต่มันก็ยังได้มีปัญหาอยู่นิดนึงคือว่าเหล็กกล้ามันไม่ใช่กระดาษทิชชู่ไงเหล็กกล้านั้นมันจะต้องออกมาจากแร่เหล็กนำเอาไปใส่ในเตาที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ

ในระยะเวลาที่ถูกต้องคือเราไม่รู้ว่าเท่าไหร่แต่ว่าไม่ใช่ว่าเราจะใช้เตาเผาถ้วยชายหลังหมู่บ้านได้แต่ว่าไม่ว่ายังไงเราก็จะต้องพยายามใช่ไหมบุคคลจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียรนรัฐบาลก็ได้ออกโควต้ากำหนดมาว่าแต่ละหมู๋บ้านในสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นจะต้องผลิตเหล็กกล้าได้คนละเท่าไหร่ท่านประธานก็หารมาเลยว่าในประเทศที่เป็นอุตสาหกรรมแล้วเขาต้องผลิตเหล็กกล้าได้กี่ตันหารกับจำนวนหมู่บ้านในสาธารณรัฐประชาชนจีนก็นั่งแหละจะต้องผลิตออกมาให้ได้ตามนั้นทั้งนี้ ทั้งอุตสาหกรรมเหล็กโอทอปและนารวมจะมีสมาชิกพรรคได้รับการมอบหมายมาให้ดูแลแต่ละหมู่บ้านและกลุ่มปลูกข้าว

นอกจากนี้เรามาดูในเรื่องนารวมกันก่อนนารวมถึงจะได้การตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดีแต่เมื่อนำเอามาปฏิบัติจริงๆแล้วก็อุปสรรคที่มักจะพบเสมอในการทำงานกลุ่มนั่นก็คือในที่สุดแล้วคนก็พบว่าจะทำงานหนักหรืออู้งานก็ได้กินข้าวเต็มที่เท่ากันได้วันพักผ่อนเท่ากันได้ส่วนแบ่งของผลิตเท่าๆกันได้นอนบ้านแบบเดียวกันได้ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันลูกหลานก็ได้รับผลประโยชน์เท่าๆกันแล้วจะทำงานหนักไปทำไมกันเพราะทำไปก็รู้สึกโง่

เพราะว่าคนที่อู้งานทำๆเขี่ยๆก็ได้รับผลตอบแทนเท่าๆกันอย่างนั้นก็ชิลๆดีกกว่านาก็ไม่ใช่ของเราข้าวก็ไม่ใช่ของเราบวกเข้ากับความซวยในช่วงนั้นที่จีนประสบภัยธรรมชาติหนักหน่วงทั้งน้ำท่วมและฝนแล้งจึงทำให้ผลผลิตข้าวได้รับผลกระทบเข้าไปอีกทีนี้พอถึงเวลาที่จะต้องรายงานผลประกอบการคนที่เป็นตัวแทนพรรคที่ได้รับการแต่งตั้งมาดูแลนารวมเหล่านี้ก็เริ่มนอยด์แล้ว

ซึ่งตามนโยบายของพรรคได้ฟันธงออกมาอย่างชัดเจนเลยว่าถ้าผลผลิตไม่ได้ตรงตามเป้าที่ตั้งเอาไว้จะเป็นความผิดของผู้จัดการเหล่านี้แปลว่าผู้จัดการยังทำงานหนักไม่พอและจะโดนทำโทษฟังดูคล้ายๆช่วง7วันอันตรายตอนสงกรานต์เวลาที่รัฐบาลจะกำหนดตัวเลขออกมาว่าจะต้องมีคนตายไม่เกินกี่ศพถ้าตายเกินจะเป็นความผิดของทางผู้ว่า

คราวนี้พอถึงเวลาที่จะต้องรายงานผลประกอบการก็เลยเกิดการตกแต่งบัญชีปริมาณข้าวที่ผลิตได้อย่างยิ่งใหญ่ทุกนารวมผลิตข้าวได้ตามโควต้าหรือเกินโควต้าทุกแห่งเลยรัฐบาลก็ดีใจว่าโครงการได้ผลและจัดการขายข้าวจำนวสนมหาศาลออกไปยังต่างประเทศและข้าวจำนวนมหาศาลที่ว่าคือข้าวเกือบทั้งหมดที่ผลิตได้นั้นแหละส่งออกไปหมดเลยไม่เหลือเอาไว้กินกันในประเทศเลย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ตำนานของเจตภูต

ซึ่งตรงนี้คนไทยโบราณเขาก็ได้มีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือในขณะที่เรานอนหลับ ดวงจิตของเราจะออกจากร่างและได้ไปอยู่อีกพบภูหนึ่งก่อนที่เราจะตื่นขึ้นมาอีกทีดวงจิตของเรามันก็จะกลับเข้ามาสู่ร่างแต่ถ้าดงจิตของเรากลับเข้ามาสู่ร่างไม่ทันหรือหาร่างของเราไม่ทันเรา

ก็จะเสียชีวิตไปทันที ซึ่งตรงนี้มันได้เป็นอีกหนึ่งความเชื่อหนึ่งที่คนไทยโบราณเขาได้มีความเชื่อกันและตรงนี้มันอาจจะมีคนตั้งคำถามขึ้นมาอยู่ในใจอยู่หนึ่งคำถามว่า ถ้าดวงจิตของเราออกจากร่างแล้วอยู่ดีๆดวงจิตของเราจะกลับเข้าร่างดวงจิตของเราก็สามารถที่จะกระโดนเข้าร่างกายคนนู้นไปคนนี้ไปโดยที่ไม่มีข้อจำกัดได้เลย ถ้าอย่างั้นแล้วเราก็สามารถที่จะสลับเรื่องกายกับคนนู้นคนนี้โดยที่ไม่มีข้อจำกัดเลยใช่หรือไม่

ซึ่งตรงนี้ข้อมูลเองงเราก็ยังสงสัยอยู่เช่นกันเราเลยโทรไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นนักวิทยาศาสตร์แล้วอาจารย์ก็ยังได้บอกกับเรามาอีกว่าเรื่องนี้ทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์เขาสามารถที่จะหาคำตอบเบื้องต้นได้แล้วและเขากำลังหาคำตอบกันอยู่

ซึ่งตรงจุดนี้เราคงต้องของอธิบายเป็นหลักการนิดนึงแต่เราจะอธิบายให้ได้เข้าใจง่ายที่สุดแล้วกัน คือ ในทางวิทยาศาสตร์สมัยก่อนเขาไม่มีความเชื่อในเรื่องภูผีวิญญาณเขาไม่เชื่อเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่พิสูจน์ไม่ได้แต่ใน ณ ปัจจุบันนี้ทางฟิสิกส์เขามีความต้องการที่จะหาความจริงเกี่ยวกับความเชื่อของคนในด้านความเชื่อของผี

และเรื่องวิญญาณให้ได้ เนื่องจากว่าได้มีคนหลายๆคนอ้างว่าเวลาที่เขาได้นั่งสมาธินานๆเขาจะรู้สึกว่าวิญญาณของเขาหรือยานของเขาเริ่มลอยสูงขึ้นๆเรื่อยๆและเจอกับตัวเองเจอกับสิ่งๆนู้นเจอกับสิ่งๆนี้หรือบางคนมีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นและเห็นตัวเองกำลังนอนอยู่

ก็มีอยูเช่นกัน เขาเลยคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องวิญญาณภูผีวิญญาณมันก็เป็นได้ เขาเลยมีการศึกษาและวิจัยกันอย่างจริงจังกับเรื่องนี้ ซึ่งการศึกษาและวิจัยทางฟิสิกส์เขาก็จะต้องมีการพิงและจะต้องมีการยึดหลักฟิสิกส์เขาก่อน

โดยหลักของฟิสิกส์จะมีอยู่ประมาณ4-5หลักด้วยกันนั่นก็คือ หลักกลศาสตร์ พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า พลังงานความร้อน พลังงานคลื่น และ พลังงานมิตควอนตัม

ซึ่งหลังจากที่เขาได้วิจัยไปได้ ปรากฎว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายเราที่คลาดว่ามันเป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นวิญญาณมันน่าจะเป็นพลังงานในรูปแบบของแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเราก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าในร่างกายของคนเรามันมีส่วนที่เป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่นั่นก็คือสมองของเรานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8

แฟชั่นสีม่วงพาสเทลกำลังมา

ต้องบอกเลยว่าในทุกๆปีนั้นด้านวงการแฟชั่นมักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ไม่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านรูปแบบดีไซส์แฟชั่นหรือความเปลี่ยนแปลงความนิยมของสี ละวงการแฟชั่นมีอิทธิพลอย่างมากในเรื่องของสี เพราะเมื่อแฟชั่นมีการไปเปลี่ยนสีไปในทิศทางใด สีก็จะมีอิทธส่งผลไปยังด้านอื่นๆนอกจากแฟชั่นด้วย

และในปี2020ที่ผ่านมาสีที่ได้รับความนิยมและมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านวงการแฟชั่นไปก็คือสีม่วงนั่นเอง แต่จะเป็นสีม่วงที่มีโทนพาสเทล จริงๆแล้วโทนพาสเทลนั้นค่อนข้างจะได้รับความนิยมในวงการด้านแฟชั่นอย่างมากในช่วง5ปีที่ผ่านมา สีพาสเทลมีการนำมาประยุกต์ให้เข้ากับแฟชั่นต่างๆออกมาอย่างสวยงาม ทำให้สีพาสเทลนั้นได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างมากนั่นเอง

สีม่วงนั้นถ้าหากเป็นสีม่วงเข้มแน่นอนว่าจะดูไม่น่ารักและสีม่วงเป็นสีที่ไม่ค่อยช่วยในเรื่องความขับผิวสักเท่าไหร่ไม่เหมือนสีโทนอื่นๆนั่นเอง แต่พอเมื่อแฟชั่นสีม่วงพาสเทลได้รับความนิยมนั้นก็ถือว่าสีม่วงพาสเทลนั้นเป็นสีที่สามารถใส่ได้ในคนทุกสีผิวถึงแม้สีม่วงจะไม่ได้เป็นสีที่ช่วยในเรื่องการขับสีผิวเมื่อใส่แล้วให้ขาวหรือสว่าง แต่ก็เป็นโทนสีที่คนทุกสีผิว

สามารถใส่ได้และไม่ดูน่าเกลียดด้วย โดยสีม่วงพาสเทลนั้นไม่ได้แค่ได้รับความนิยมในด้านวงการแฟชั่นเสื้อผ้าเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงแฟชั่นในด้านอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นรองเท้า กระเป๋า และอื่นอีกมากมายล้วนก็มีการผลิตเป็นสีม่วงพาสเทลทั้งสิ้น

เมื่อสีม่วงพสาเทลเป็นที่นิยมและกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งทำให้แฟชั่นนิสต้าทั้งหลายนั้นหันมาใส่เสื้อผ้าสีม่วงพลาสเทลกันมากขึ้นนั่นเอง ทำให้ไม่ว่าจะมีการผลิตอะไรด้านแฟชั่นที่เป็นสีม่วงออกมานั้นก็จะสามารถขายได้จนหมดในเวลาอันรวดเร็ว

เพราะเป็นสีที่ได้รับความนิยมทั้งในผู้ชายและผู้หญืงในขณะนั้นนั่นเอง ต่าจะต้องทำใจหากอยากจะใส่เสื้อผ้าที่เป็นสีม่วงนั้นในเรื่องการมิกซ์แอนด์แมตซ์นั้นอาจจะยากกว่าสีอื้น เพราะด้วยความที่สีม่วงก็เป็นสีที่หาอะไรมาแมตซ์ได้ยากแล้วนั้น ยิ่งเป็นสีม่วงพาสเทลที่มีความอื่อนของสีถ้าหากแมซต์ผิดสีหรือไม่เข้าโทนนั้นก็จะทำให้แฟชั่นสีม่วงพาสเทลนั้น

ดูครอปไปเลยได้ ดังนั้นแล้วสีท่ะสามารถใส่ร่วมกับสีม่วงพาสเทลที่ดีก็คือสีขาวและสีดำ ซึ่งจริงๆเราสามารถเอาสีอื่นๆในโทนพาสเทลนั้นมาแมซต์ให้เข้ากันได้ แต่สีดำและสีขาวนั้นจะเป็นสีที่สามารถแมซต์ได้อย่างปลอดภัยที่สุด

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8

ค้นพบอสูรกายมนุษย์ต่างดาวที่ถ้ําซันดอง

อสูรกายที่อยู่ในถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกมันอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวเรปทิเลี่ยน สำหรับกาค้นพบถ้ำที่ใหญ่มากที่สุดในโลกก็เพิ่งจะมีการค้นพบมาได้เมื่อไม่นานมานี้เองมันเป็นถ้ำที่มีความใหญ่โตและมันก็ได้มีความสลับซับซ้อนที่ซ้อนความลึกลับและความน่ากลัวพอๆกับความสวยงามของมัน

ถ้ำแห่งนี้ได้ซ้อนตัวอยู่ในถ้ำภูเขาภายใต้ป่าทึบที่มาที่ไปของมันลึกลับและมีความน่ากลัวไม่แพ้กันชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นต่างก็ได้เล่าถึงความน่ากลัวของมันทั้งๆที่มันได้เป็นถ้ำที่มีขนาดที่ใหญ่มากที่สุดในโลกที่มีความสวยงามไม่แพ้ถ้ำใดๆแต่มันกับอยู่ซ้อนเอาไว้อยู่ในป่าลึกมานานนับล้านปีเพิ่งจะมีการค้นพบในปี1991หรือไม่ถึง30ปีมานี่เอง

ที่ได้มีการค้นพบถ้ำแห่งนี้และยังได้มีการสำรวจกันอย่างจริงจังและได้ถูกพัฒนามาให้เป็นแห่งท่องเที่ยวของเวียดนามเมื่อประมาณ10มานี่เองก่อนหน้านี้ก็ได้มีเสียงเล่าลือกันมาว่ามันได้มีเผ่าพันธ์อสูรกายที่เป็นมนุษย์ประหลาดครึ่งคนครึ่งสัตว์เลื้อยคานอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้

จึงไม่มีชาวบ้านหรือว่าคนในที่นั้นกล้าที่จะเข้าไปในถ้ำซึ่งคำบรรยายของอสูรกายตามคำบอกเล่าของชาวบ้านไม่ตรงกับสัตว์ชนิดใดๆในโลกแต่มันจะตรงกับลักษณะของเรปทิเลี่ยนมนุษย์ต่างดาวครึ่งคนครึ่งสัตว์เลื้อยคานนั้นเองพบอสูรกายปริศนาในถ้ําซันดองถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรื่องรางของสัตว์ลึกลับได้มีมากมายทั่วโลกล้วนแต่มีสิ่งที่น่าสนใจให้ติดตาม

และเป็นเรื่องที่มันน่าสนใจวันนี้คือ อสูรกายที่มันได้อาศัยอยู่ในถ้ําซันดองเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ในประเทศเวียดนามในปี1991ก็ได้มีการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ชาวบ้านที่ได้อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติจังหวัดคังบินประเทศเวียดนาม ได้ค้นพบถ้ำขนาดใหญ่ที่มันได้แทรกตัวอยู่ในป่าลึกมาเป็นเวลายาวนานซึ่งหลังจากการค้นพบมันถูกตั้งชื่อว่าซันดอง

ซึ่งแปลกว่าหุบเขาแม่น้ำถ้ำแห่งนี้สำหรับที่ได้มีการตรวจกันอย่างละเอียดในอีก10ปีต่อมาพบว่ามันได้เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกโดยเกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำที่มันได้ไหลอยู่ใต้ภูเขาสิ่งที่น่าตาตื่นใจสำหรับถ้ำแห่งนี้ก็คือมันเป็นถ้ำที่มีระบบนิเวทเป็นของตัวเองทั้งผืนป่าและแม่น้ำไม่ต่างอะไรจากระบบนิเวทภายนอกที่ดูคล้ายเหมือนกับเมืองลับแล

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ตำนานของคำชะโนด

 ที่จังหวัดอุดรธานีมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่ชาวบ้านมักจะเดินทางไปเคารพกราบไหว้บูชาองค์พญานาคกันทุกวันซึ่งสถานที่แห่งนั้นคือป่าคำชะโนด

โดยที่ป่าคำชะโนดนี้จะอยู่ในบริเวณพื้นที่วัดนาคินทร์คำชะโนดลักษณะของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะมีลักษณะเป็นเกาะซึ่งมีความกว้างประมาณ 20 ไร่และเหตุผลที่มีการเรียกว่าป่าคำชะโนดได้ก็เพราะว่าที่เกาะแห่งนี้จะเต็มไปด้วยต้นคำชะโนดทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณเกาะทั้งหมดและบริเวณรอบเกาะจะเต็มไปด้วยน้ำ 

ซึ่งที่วัดนาคินทร์คำชะโนดแห่งนี้ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านต่างก็พากันเดินทางมากราบไหว้ขอพรขอโชคลาภซึ่งก็คือศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธในปัจจุบันผู้ที่เดินทางมากราบไหว้ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธนั้นส่วนใหญ่จะมากราบไหว้เพื่อขอโชคลาภขอเลขเด็ดไปซื้อหวยซื้อลอตเตอรี่และเจ้าปู่ศรีสุทโธก็ไม่เคยทำให้เราคอหวยผิดหวังเพราะหลายคนที่เดินทางมาขอหวยที่นี่ก็จะได้รับเลขเด็ดกับไปและถูกรางวัลทุกครั้งไปจะมีผู้คนหลั่งไหลมาทำการขอหวยรัฐบาลแก้บนกันทุกวันไม่ขาดสาย

ส่วนตำนานของคำชะโนดนั้นมีการเชื่อกันว่าที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่ของการเชื่อมต่อไปยังเมืองบาดาลซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพญานาคโดยมีการเชื่อกันว่าหลวงปู่ศรีสุทโธคือหนึ่งในองค์พญานาคที่มีบุญบารมีมากซึ่งหลวงปู่ศรีสุทโธนั้น

จะมีพระมเหสีคือองค์แม่ศรีปทุมมานาคราชเทวี โดยในตำนานเล่าว่าพญานาคที่ชื่อพญานาคราชปู่ศรีสุทโธ  ได้เกิดความเข้าใจผิดกับเจ้าพ่อสุวรรณนาคจึงทำให้เกิดการทะเลาะต่อสู้กันซึ่งมีผลกระทบพื้นโลกสะเทือนเรื่องนี้จึงรู้ไปถึงพระอินทร์ที่อยู่บนสวรรค์ดังนั้นพระอินทร์จึงได้เสด็จลงมาและให้โอวาทจนนาคทั้งสองหยุดต่อสู้กันและให้นาคทั้งสองนั้นต่าง

ก็สร้างแม่น้ำคนละสายชื่อว่าแม่น้ำโขงและแม่น้ำน่านในปัจจุบันนั่นเองซึ่งเงื่อนไขที่พระอินทร์ให้กับหน้าทั้งสองคนในการสร้างแม่น้ำแข่งกันนั่นก็คือหากพญานาคต้นไหนสร้างแม่น้ำเสร็จก่อนแม่น้ำสายนั้นก็จะมีปลาบึกลงไปอยู่ด้วยซึ่งผลปรากฏว่าพญานาคราชปู่ศรีสุทโธสร้างแม่น้ำโขงเสร็จก่อนดังนั้นในปัจจุบันจึงพบว่าในแม่น้ำโขงจะมีปลาบึกอาศัยอยู่

และเมื่อพญานาคล่าศรีสุทโธเป็นฝ่ายชนะพระองค์จึงได้ทรงทูลขอกับพระอินทร์ว่าอยากจะให้มีทางเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับเมืองบาดาลเอาไว้ 3 จุดโดยทั้ง 3 จุดนั้นได้แก่ธาตุหลวงนครซึ่งอยู่ที่เวียงจันทน์ และสถานที่ที่สองก็คือที่หนองคันแท  ส่วนอีกที่ก็คือพี่คําชะโนดนี่เองนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าที่คำชะโนดคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่พญานาคราชปู่ศรีสุทโธมักจะเดินทางมาอยู่ที่นี่เป็นประจำ ที่ป่าคำชะโนดนี้

จะมีรูปปั้นพญานาคอยู่มากมายและในวันสำคัญสำคัญก็จะมีนางรำมารำถวายหลวงปู่ศรีสุทโธเมื่อไหร่ที่มีการจัดงานก็จะมีผู้คนเป็นจำนวนมากต่างหลายเดินทางเข้ามากราบไหว้เคารพบูชาหลวงปู่ศรีสุทโธกันอย่างไม่ขาดสายซึ่งหลวงปู่ศรีสุทโธจัดว่าเป็นพยานาคชั้นดีเป็นพญานาคชั้นเทพที่คุ้มครองเหล่ามนุษย์ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  BK8