ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง เนื่องในเทศกาลวันตรุษจีน

          สำหรับเทศกาลวันตรุษจีนเป็นเทศกาลที่มีการจัดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้วนอกจากจะมีประวัติเกี่ยวกับการก่อเริ่มเทศกาลตรุษจีนแล้วอยากมีประวัติเกี่ยวกับเรื่องของ ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง ต่างๆที่มีการพูดถึงและความเชื่อนี้ก็มีการเชื่อมาตั้งแต่เริ่มมีการจัดงานเทศกาลตรุษจีนเลยก็ว่าได้เรียกได้ว่าความเชื่อนั้นมีมาควบคู่กับเทศกาลของวันตรุษจีนเลยทีเดียว  

        จะเห็นได้ว่าความเชื่อที่คนจีนมีความเชื่อว่าในเทศกาลวันตรุษจีนไม่ควรทำสิ่งต่างๆที่ไม่เป็นมงคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของคำพูดคำจาที่พูดไม่สุภาพจะไม่พูดกันในวันเทศกาลตรุษจีนอย่างแน่นอนหรืออาจกล่าวได้ว่าในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนนั้นคำพูดที่เป็นคำไม่สุภาพ จะไม่พูดกันอย่างเด็ดขาดเพราะถือว่าเป็น ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง ไม่ดีเข้ามาสู่ตัวเองและคนในครอบครัว  สำหรับเทศกาลวันตรุษจีนนั้นชาวจีนเชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ

          ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องมีการทำหรือพูดแต่สิ่งที่ดีๆเพื่อที่ในอนาคตข้างหน้าต่อๆไปจะได้เจอแต่สิ่งที่ดีๆนั้นเองเรามาดูกันว่าความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของโชคลางที่คนจีนมีความเชื่อกันนั้นมีอะไรบ้าง 

   ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการเสียน้ำตาในวันตรุษจีนเป็นสิ่งต้องห้ามเป็นอย่างยิ่งเพราะคนจีนเชื่อว่าถ้าหากวันปีใหม่จีนเป็นวันที่เริ่มต้นสิ่งดีๆแล้วคุณต้องเสียน้ำตาหรือคุณต้องร้องไห้แล้วเราก็ตลอดทั้งปีนั้นคุณก็จะต้องเสียน้ำตาหรือมีเรื่องราวให้คุณต้องเสียใจอยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอนดังนั้นนี่จึงเป็นข้อห้ามสำคัญอย่างยิ่งในช่วงวันตรุษจีนนั่นเอง

         นอกจากนี้เกี่ยวกับเรื่องของการดูแลร่างกายของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอาบน้ำสระผมหรือการสวมใส่เสื้อผ้าต่างๆนั้นก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันโดยคนจีนเชื่อว่าการใส่เสื้อผ้าสีสว่างหรือโดยเฉพาะสีแดงนั้นจะทำให้ชีวิตนั้นมีแต่ความสุขในอนาคตเพราะสีแดงนั้นเป็นสีที่มีความสว่างเจิดจ้าอย่างมากที่สำคัญในช่วงวันตรุษจีนนั้นคนจีนจะไม่นิยมสระผมนั่นก็เพราะว่ามีความเชื่อว่าหากมีการสระผมในวันดังกล่าวนั้นจะเป็นการสละสิ่งดีๆออกจากร่างกายนั่นเอง  

         และอีกสิ่งหนึ่งที่คนจีนมีความเชื่อกันมากก็คือเกี่ยวกับเรื่องของการทำความสะอาดบ้านเรือนโดยในวันตรุษจีนนั้นผู้คนจะไม่ทำความสะอาดไม้กวาดพื้นไม่ซักผ้า  มีความเชื่อว่าถ้าหากมีการปัดกวาดเช็ดถูหรือมีการซักเสื้อผ้านั้นจะเป็นการชะล้างสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราออกไปดังนั้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงเป็นช่วงที่ผู้คนนั้นจะหยุดการทำงานในวันตรุษจีนนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    aecasino

ตำนานผีปอบ   

        อีกหนึ่งผีที่ยังคงเป็นที่พูดถึงกันอยู่ในปัจจุบันและเมื่อเล่นนั้นก็ยังมีการลงข่าวเกี่ยวกับผีตัวนี้นั่นก็คือผีปอบนั่นเองโดยส่วนใหญ่แล้วผีปอบนั้น  ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะกิ๊ฟช็อปนี้มีชื่อเสียงมาอย่างช้านานว่ากันว่าผีปอบนั้นจะเป็นใครก็ได้

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายโดยส่วนใหญ่แล้วผีปอบมักจะเป็นคนในช่วงอายุวัยกลางคนไปจนถึงคนแก่ไม่เคยมีตำนานไหนพูดถึงผีปอบที่เป็นเด็กเลยสักครั้งหนึ่ง

         สำหรับเรื่องของผีปอบนั้นว่ากันว่าอีปอบก็คือชาวบ้านธรรมดาทั่วไปนี่เองแต่ว่าเนื่องจากว่าคนในสมัยโบราณนั้นมีการเรียนวิชาอาคมไสยศาสตร์   มีการนับถือภูตผีปีศาจดังนั้นบุคคลที่กลายมาเป็นผีปอบนั้นก็คือคนที่เรียนวิชาอาคมแล้วทำผิดผีทำไม่ดีจึงทำให้วิชาอาคมนั้นย้อนกลับมาใส่ตนเองกลายมาเป็นผีปอบ 

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วตำนานเกี่ยวกับเรื่องของผีปอบนั้นจะพบเห็นหรือได้ยินได้ต่างจังหวัดในแถบของภาคอีสานเพียงเท่านั้น   แต่ไม่ใช่ว่าจังหวัดอื่นในประเทศไทยจะไม่มีการพูดถึงเรื่องผีปอบเพียงแต่ว่าต้นกำเนิดจริงๆแล้วผีปอบจะมีต้นกำเนิดมาจากทางแถบภาคอีสานนั่นเอง

          อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องของผีปอบนั้นเชื่อว่าผีปอบก็คือคนที่ถูกคุณไสยเข้าเนื่องจากว่ามีการทำผิดในสิ่งต้องห้ามในวิชาอาคมที่ร่ำเรียนหลังจากนั้นจึงทำให้มีวิญญาณของผีร้ายเข้าสิงและผีร้ายนี้มักจะแสดงให้เราเห็นเลขการกินของสดๆซึ่งไม่ว่าจะเป็นหมูดิบไก่ดิบต่างๆและที่สำคัญอาการของผีปอบก็คือเมื่อเขากินอาหารดิบเข้าไปแล้ว

จะกินในปริมาณที่มากซึ่งไม่ว่าจะกินเยอะแค่ไหนก็ไม่อิ่มสักทีและยังมีการรื้อกันอีกด้วยว่าหากใครที่โดนผีปอบเข้าสิงผีปอบจะอาศัยอยู่ในร่างของคนคนนั้นไม่นานหลังจากที่ผีปอบกินตับไตไส้พุงภายในร่างกายของร่างของคนที่มันเสร็จเรียบร้อยแล้วมันก็จะหาที่อยู่ใหม่เปลี่ยนไปสิงคนอื่นไปเรื่อยๆและคนที่ถูกนะเลิกสินเมื่อไหร่คนคนนั้นก็จะตายฉัน

        ส่วนลักษณะอาการของคนที่ถูกผีปอบเข้าสิงแล้วโดนกินด้านในหมดแล้วหรือกินเครื่องในหมดแล้วเมื่อเวลาตายก็จะเป็นการนอนเหมือนคนปกติธรรมดานั่นเองซึ่งในแถบภาคอีสานเรียกคนที่นอนหลับตายว่าไหลตายโดยระบุว่านี่คืออาการของคนที่ผีปอบออกจากร่างแล้วนั่นเอง

        อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ผู้คนอาจจะยังมีการพูดถึงกันเกี่ยวกับเรื่องของผีปอบกันอย่างแพร่หลายแต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหมู่บ้านต่างจังหวัดซึ่งห่างไกลจากความเจริญมากนัก   และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของผีปอบของคนรุ่นใหม่นั้นก็ลดน้อยถอยลงไปทุกทีแล้ว

โดยความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของผีปอบนั้นไม่สามารถยืนยันได้จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และนั้นคนส่วนใหญ่สินเชื่อว่าคนที่กินของดิบๆสุกๆนั้นอาจจะมีปัญหามาจากอาการทางจิตมากกว่า ไม่ใช่เกิดจากการถูกผีปอบเข้าสิงนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    aecasino