เรื่องเล่าหลอนกับห้องที่ชั้นแปด

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงซึ้งเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้วที่มหาลัยแห่งหนึ่งซึ้งตอนนี้ก็น่าจะยังเปิดทำการอยู่ซึ้งเรื่องราวก็มีอยู่ว่าได้มีคุณครูคนหนึ่ง

ซึ้งเขาเป็นคุณครูผู้ชายและเขาก็ได้ทำการทำงานหนักมากเพื่อเตรียมการเรียนการสอนในวันพรุ่งนี้ซึ้งห้องของคุณครูคนนั้นคือห้องซึ้งอยู่ที่ตรงบันไดหนีไฟค่ะซึ้งเขานั้นได้โหมงานหนักมากและเขาก็เป็นโรคหัวใจด้วยช่วงประมาณตอนหนึ่งทุ่มเนื่องจากเขาทำงานหนักเกินไปจึงทำให้เขาหัวใจวายและเสียชีวิตภายในห้องโดยที่ไม่มีใครรู้เลย

เช้าวันต่อมาทุกคนต่างแปลกใจมากที่คุณครูคนนี้ไม่มาสอนนักเรียนเพราะเขาเป็นคนที่แม้ป่วยแต่เขาก็ต้องการที่จะมาสอนนักเรียนให้ได้ดังนั้นทุกคนจึงแปลกใจเป็นอย่างมากหลังจากนั้นทุกคนพากันเดินทางไปที่หอพักของคุณครูซึ้งหลังจากนั้นก็ให้ภารโรงมาเปิดประตูให้และหลังจากนั้นเมื่อเปิดประตูเสร็จทุกคนก็ต้องตกใจมาก

เนื่องจากพบคุณครูนอนตายอยู่ที่พื้น และเรื่องราวที่หลายคนมักจะเจอบ่อยๆช่วงที่คุณครูพึ่งตายไปใหม่ๆเลยนั้นก็คือจะมีรักศึกษาที่ทำงานอยู่ที่ห้องเรียนดึกมากซึ้งได้เคยมีนักศึกษาคนหนึ่งทำงานดึกมากจนสามทุ่มเขาก็กำลังลงลิฟต์กลับบ้าน

ซึ้งหลังจากนั้นเขาก็ลงลิฟต์ไปที่ชั้นแปดและประตูก็เปิดเองซึ้งนักศึกษาคนนั้นเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนก้มหน้าอยู่ตรงลิฟต์ซึ้งนักศึกษาก็ถามว่าจะไปมั้ยแต่เขาก็ยังอยู่กับที่เดิมและไม่ได้ทำอะไรและนักศึกษาก็ลงไปชั้นต่อไปแต่อยู่ลิฟต์ก็หยุดอีกที่อีกชั้นซึ้ง

ซึ้งก็ยังเจอชายคนนั้นอีกและตอนนี้พวกเขาก็เจอกันอีกนักศึกษาเริ่มกลัวแล้วและมันก็เป็นอย่างนั้นเรื่อยๆจนตอนนี้อยู่ที่ชั้นสองและเขาก็คือผู้ชายคนเดิมยืนหันหลังอยู่เหมือนเดิมแต่สิ่งที่ทำให้เขาแทบเป็นบ้านั้นก็คือผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาแต่คอแต่เท้ายังอยู่อีกฝั่ง

มีข่าวลือว่านักศึกษาคนนั้นกลายเป็นบ้าตลอดชีวิตเลยค่ะ  ซึ้งมีหลายคนมากที่คิดจะไปท้าทายอย่างเช่นกลุ่มหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่องผีเดินทางไปท้าท้ายซึ้งก็เลือกที่จะไปตอนเช้าเพราะใจหนึ่งก็กลัวใจหนึ่งก็ไม่เชื่อ ซึ้งทุกคนนั้นเดินเข้าไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกคนขึ้นลิฟต์สำรวจทุกอย่างจนไม่มีอะไรผิดปกติหลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็พากันเดินเข้าเว็บเพื่อจะลงไปที่ชั้น 1

เพื่อเดินทางไปเรียนต่อหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ลงไปที่ชั้น 8 แล้วจะอยู่ประตูก็เปิดขึ้นมาแล้วไม่มีใครอยู่เลยหลังจากนั้นก็มีลมแรงมากครับผ่านจนผมทุกคนปลิวมีผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าหรือว่าจะเป็นวิญญาณที่นี่ผู้ชายคนนึงที่เป็นคนตั้งกลุ่มคนแรกที่จะมาทักทายต่าง

ก็บอกว่าไม่หรอกสงสัยมีคนกดลิฟท์ติดตัวมาถึงก่อนเขาก็เลยเข้าอีกตัวไปแล้วแล้วก็คงเปิดหน้าต่างทิ้งไว้อย่างนั้นแต่เขาหารู้ไม่ว่าจริงๆแล้ว ที่นี่นั้นไม่เคยเปิดหน้าต่างบานหลังจากที่คุณครูคนนั้นเสียชีวิตแล้วถ้าเกิดว่าไม่มีหน้าต่างบานไหนเลยที่เปิดพัดลมที่บ้านมันมาจากไหนกันแน่

 

สนับสนุนโดย  rb88 ทางเข้า

เรื่องของนายจันดีผู้ตายแล้วเกิดใหม่

ตายแล้วไปไหนมันก็ยังได้เป็นคำถามที่มันได้ค้างคาใจมาจนถึงทุกวันนี้ซึ่งก็ยังได้มีผู้คนจำนวนมากที่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ดังเราจะเห็นได้จากการตีพิมพ์ตามหนังสือพิมพ์ต่างๆออกมาวางจำหน่ายอย่างมากมายอีกทั้งยังมีความคราวทางความคิดที่ได้มีความต่างออกไป

จากกันในหลายแง่หลายมุมแต่ก็ไม่มีใครที่จะหาข้อสรุปและข้อที่แท้จริงของเรื่องเหล่านี้ได้วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับคำตอบในเหตุผลของคำถามที่ว่าตายแล้วไปไหนซึ่งเราได้มีเรื่องที่เกี่ยวกับนายเดชฤทธิ์ ซึ่งเขาได้เป็นชายคนหนึ่งที่ได้ตายไปแล้ว

และได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งซึ่งเขาสามารถที่ระลึกถึงชาติกล่าวได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอนและเขาก็ยังสามารถเล่าให้กับทีมงานเราได้ฟังอีกว่าชาติก่อนเขาได้มีชื่อว่านายจันดี เกิดอยู่บ้านหาดตำบลเปาะอําเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ

เมื่อชีวิตของเขานั้นได้เข้าสู่ในวัยฉกรรจ์เขาก็ได้มีเพื่อได้เข้ามาช่วยให้เขานั้นได้ไปทำในสิ่งที่ไม่ดีซึ่งได้ไปขโมยวัวและขโมยควายซึ่งในตอนนั้นเขาได้มีความหารกล้าไม่กลัวใครและด้วยที่เขานั้นได้มีความหลงในคำพูดของเพื่อนก็เลยได้ลองทำดูจากนั้นเขาก็ได้ออกขโมยวัวควายของชาวบ้านเรื่อยมาจนเพื่อนๆ

นับถือว่าให้เป็นหัวหน้าใหญ่มีเพื่อนรอบกายของเขาอยู่หลายคนจึงทำให้ชื่อเสียงของเขานั้นได้มีความโด่งดังและไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาลบหลู่ตัวเขานั้นได้เป็นโจรมาสิบกว่าปีจากนั้นมันก็ได้ทำให้เขาได้รับรู้ว่าตนนั้นได้มีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้กระทำบาปไปอย่างมาก

จากนั้นมันก็เลยทำให้เขานั้นได้เข้าไปบำเพ็ญศรีอยู่ที่วัดเป็นเวลา3ปีและในช่วงที่เขาได้บำเพ็ญศรีนั้นเขาก็ได้ช่วยหลวงพ่อท่านหนึ่งช่วยสร้างโบสถ์ที่วัดบ้านเสียวเก่าอําเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้นเขาก็ได้กลับเข้ามาเยี่ยมลูกเมียและก็ได้คิดที่จะเลิกขโมยวัวควายในคืนวันที่25ธันวาคม ปี2528 นายจันดีก็ได้มีความรู้สึกร้อนทั้งกายและใจ

จนทำให้ตัวเขานั้นนอนไม่หลับแก่ได้นอนดิ้นไปมาอยู่ที่ระเบียงด้านหน้าบ้านจนเกือบเช้าก็ยังนอนไม่หลับพอตกเวลาประมาณเที่ยงคืนก็ได้มีเพื่อนโจรเก่า6คนได้เข้ามาหาโดยจะเข้ามาชวนให้ไปกินเนื้อควายซึ่งเพื่อนก็ยังได้บอกอีกว่าเขาได้ไปขโมยควายมาจากบ้านไกล

จะเอามาฆ่าที่หนองตาลาวจึงได้มาช่วยเพื่อนจันดีเพื่อนเก่าไปกินเนื้อด้วยกันเมื่อนายจันดีเห็นว่าเพื่อนมาชวนก็ไม่เฉลียวใจว่ามันจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นเพราะเพื่อนทั้ง6คนต่างก็ได้เป็นเพื่อนรักกันทั้งนั้น

 

สนับสนุนมาจาาก  สูตร บาคาร่า bk8

นักมวยที่มีลีลากวนแต่การชกนั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดา

วันนี้เราจะขอแนะนำนักมวยที่มีความกวนมากที่สุดและก็จะจบแบบไม่สวยตอนที่อยู่ด้านบนเวที

Julian Wallace

สำหรับนักมวยอย่างJulian Wallaceที่ได้เป็นนักมวยตัวดำเมี่ยงที่ทั้งมีความโหดดุดันและมีความน่าเกรงขามจึจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นอาจจะเสียความมั่นใจเอาได้ หากได้เห็นรอยสักที่อยู่บนตัวของเขา สำหรับเรื่องราวต่อไปนี้มันได้เกิดขึ้นในวันชั่งน้ำหนัก

ก่อนที่ตัวเขานั้นจะทำการต่อยจริงในรายการต่อสู่ด้านศิลปะในรายการหนึ่ง หลังที่ตัวJulian Wallaceได้ชั่งน้ำหนักเสร็จแล้ว ซึ่งเขาทั้งคู่จะต้องขึ้นมาถ่ายรูปและจ้องลูกตากันนายJulian Wallaceก็ได้กำมัดและไปเทียบที่บนใบหน้าของฝ่ายของผู้ต่อสู้จากนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ได้ยิ้มและตัวเขานั้นก็ได้ทำสวนกลับไปบ้างหลังจากนั้นยังไม่พอนายJulian Wallace

ก็ยังได้หัวของเขานั้นไปชนกับหัวของผู้ท้าชิงแต่ถึงอย่างไรก็ตามทางด้านผู้ท้าชิงก็ได้แต่ยิ้มและไม่ได้โต้ตอบอะไรทั้งสิ้นหลังจากนั้นJulian Wallaceเขาก็ได้เดินออกไป หลังจากที่ได้ทำการชั่งน้ำหนักแล้วเปรียบมวยกันเสร็จแล้วก็ได้มาถึงวันชกมวยจริงทั้งคู่ก็ได้ชกกัน

ภายในเวลาแค่เพียง21วินาทีทำให้ด้านฝ่ายผู้ท้าชิงก็ได้เดินหน้าต่อยแบบไม่หยุดยั้งหลังจากนั้นมาจึงได้ทำให้นายJulian Wallaceน๊อกลงไปในที่สุดหลังจากนั้นก็ยังได้เป็นวีดีโอที่มีคนเข้าไปดูมากที่สุดประมาณ43ล้านครั้ง จึงทำให้Julian Wallaceได้เป็นที่จำของคนทั้งโลกอีกว่า ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะมีรอยสักมากแค่ไหนมันก็ไม่ได้ทำให้เก่งไปตลอด

Usman Ahmed

สำหรับUsman Ahmedนั้นเขาได้เป็นนักมวยอาชีพเชื้อสายปากีสถานที่เขานั้นได้เกิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ก็ยังมีผู้คนมากมายต่างก็ยังจำตัวเขาได้ในฐานะเป็นนักมวย ที่ตัวของเขานั้นก็ได้มีท่าทางที่สุดกกวนมากที่สุดก่อนที่ตัวของเขานั้นจะทำการขึ้นชกและต้องบอกเลยว่ามันเป็นท่าที่กวนที่มันสามารถเรียกเสียงคนที่อยู่ข้างสนามได้เป็นอย่างมาก

หากจะกล่าวถึงในเรื่องของการชกและสถิติของนายUsman Ahmedต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดากันเลยทีเดียวสำหรับสถิตินายUsman Ahmedในปัจจุบันที่ได้ขึ้นอยู่ด้านบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งนายUsman Ahmedได้ชนะ8ครั้ง แพ้9ครั้ง และ เสมอ 2ครั้ง และลีลาในการชกของเขาเป็นมวยบ๊อกเซอร์ที่มันได้เป็นมวยที่ชกเป็นจังหวะมากกว่าการชกไปมีจังหวะ

ก่อนที่ตัวเขานั้นจะขึ้นเวทีและเขานั้นจะมีลีลาที่สุดกวนมากแค่ไหนแต่ในการชกจริงตัวของนายUsman Ahmedนั้นเขาก็ไม่ได้มีลีลาที่กวนแต่อย่างไรซึ่งในการชกนั้นมันเป็นอะไรที่ตัวของเขานั้นจะมีสมาธิมาพอสมควรเป็นอย่างมาก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  rb88 เข้าสู่ระบบ

เรื่องราววัดเจดีย์ กับ หลวงพ่อทองและไอไข่

ความเชื่อและความศรัทธาของคนที่ได้อาศัยอยู่ในแต่ละพื้นที่ก็ได้มีอยู่หลากหลายรูปแบบที่มีความแตกต่างกันออกไปแต่ในทุกๆความเชื่อนั้นมันก็จะมีประวัติในความเป็นมาที่ไม่ต่างไปจาก ไอไข่วัดเจดีย์ ที่หลายคนต่างก็ได้ให้ความเคารพและความศรัทธา

โดยเฉพาะในเรื่องของการขอโชคลาภ รูปไม้ที่ได้ถูกแกะสลักเด็กชายอายุประมาณ9-10ขวบได้ตั้งอยู่ในศาลาในวันเจดีย์ และยังได้เชื่อกันอีกว่าเขานั้นได้เป็นวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาสถิตอยู่ที่วัดแห่งนี้ให้ได้เป็นที่เคารพแลละสักการะของชาวบ้านตั้งแต่พื้นที่ที่ใกล้วัดไปจนถึงจังหวัดในแถบภาคใต้

จากในการศรัทธานั้นที่ได้มีความเชื่อกันว่าขอได้ไหว้รับ ซึ่งในสถานที่แห่งนี้ก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้ที่ยังได้เป็นสถานที่วัดร้างได้ชื่อว่า วัดเจดีย์ จากนั้นพอในสมัยที่ยุคที่ได้มีความเจริญขึ้นพวกก็ได้เข้ามาถางหญ้ากันทำนาทำสวนทำไร่

จากนั้นมันก็ได้พบสถานที่แห่งนี้ว่ามันได้เป็นวัดเก่าจากนั้นพอได้เข้าไปตรวจสอบแล้วมันได้เป็นวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยาส่วนใหญ่ โดยมีตำนานเหล่าว่า ในอดีตเจ้าอาวาสนั้นก็คือ หลวงพ่อทอง ซึ่งท่านก็ได้มีลูกศิษย์วัดอยู่สองคนคนหนึ่งชื่อนายเหมีอนและอีกหนึ่งก็ไม่ทราบชื่อแต่ในภายหลังมานั้นพวกเขาก็ได้เรียกกันว่าไอไข่

ซึ่งหลวงพ่อทองนั้นได้เป็นสหายรุ่นราวเดียวกันกับหลวงปู่ทวด พอหลวงปู่ทวดขึ้นอยุธยาเขาก้ได้นำเอาเด็กมาฝากไว้ภายหลังต่อมาวัดก้ได้เริ่มร้างไปเรื่อยๆจากนั้นชาวบ้านก็ยังคงนึกถึงไอไข่ ซึ่งเขาน่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับวัดแห่งนี้ซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่ได้เรียกไอไข่เขาจะเรียกว่าเด็กวัดเฉยๆ

ซึ่งเด็กคนนี้จะต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจ จากนั้นทางด้านของเจ้าอาวาสยังได้ดังอีกว่าเราไม่อาจจะที่จะสามารถที่จะรู้ได้ว่า หลวงพ่อทอง ได้มรณะภาพไปเมื่อครั้งใดและชื่อของไอไข่นั้นมันได้มีชีวิตอยู่ถึงไหนกันและยังได้เล่าต่อๆกันมาอีกว่า หลังจากที่หลวงพ่อทองได้มรณะภาพไปแล้วไอไข่ก็ได้เดินลงไปที่สระน้ำที่ได้อยู่หน้าวัด

และก็ไม่ได้ขึ้นมาให้ใครได้เห็นอีกเลยแต่ในวันดีคืนดีก็ได้มองเห็นเด็กที่กำลังวิ่งเล่นกันอยุ่ในวัดและยังได้ปรากฎร่างเด็กออกมาให้เห็นและยังได้มีเสียงของเด็กส่งเสียงให้เราได้ยินและเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ก็ยังได้มีให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย  next88 ดีไหม

ซากเมืองเก่าโบราณที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลมากว่า5,000ปี

เมืองโบราณOlous

นอกจากนี้ด้านสถานที่แห่งนี้ในสมัยก่อนได้มีเมืองเดิมอยู่ที่ชื่อว่าOlous ถึงแม่ว่าเมืองแห่งนี้จะไม่ได้เป็นเมืองมีมีอำนาจและยิ่งใหญ่ในใต้ท้องทะเล แต่เนื่องจากในพื้นที่แห่งนี้นั้น มันก็ยังได้มีความพิเศษอยู่ตรงที่น้ำของทะเลแห่งนี้ ซึ่งมันจะมีน้ำทะเลสีฟ้าใสสวยงามมาก

อีกทั้งยังสามารถที่จะลงไปดำน้ำอยู่เมืองโบราณที่อยู่ใต้น้ำได้เลยทีเดียว และสำหรับเมืองOlousนั้นได้ถูกก่อสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ800ปีก่อน

ซึ่งได้มีประชากรที่ได้อาศัยอยู่ที่นี่จำนวน30,000คน ซึ่งเหตุการณ์ที่มันได้ทำให้เมืองแห่งนี้ได้จมอยู่ในใต้ท้องทะเลนั้น เนื่องจากว่าได้ก่อสร้างบนพื้นที่ที่มีดิบไม่แข็งตัวและยังได้มีดิบที่นิ่มจากนั้นเมืองแห่งนี้ก็ได้เจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวมันเลยทำให้เมืองที่แห่งนี้ได้พังถลายลงจมหายลงไปอยู่ใต้ทะเล นอกจากนี้ในปัจจุบันนั้น

มันก็ได้กลายมาเป็นจุดดำน้ำที่เป็นที่นิยมของคนชาวกรีกและเหล่านักชื่นชอบดำน้ำนี้ก็ยังได้พบกับเหรียญเก่าโบราณกันอยู่บ่อยครั้งแค่เจอเหรียญยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้นเมื่อน้ำได้มีการลดระดับลงไปเราก็ยังสามารถที่จะมองเห็นขอบกำแพงที่ได้โพล่ขึ้นเหนือน้ำมาให้เราได้เห็นกันอีกด้วย

เกาะโยนากุนิ

สำหรับในพื้นที่ที่อยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นนั้นยังได้มีเกาะที่ได้อยู่ใกล้กับบรรดาหมู่เกาะเซ้งกากุ ซึ่งในสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่ามันได้เป็นเกาะแห่งยุทธศาสตร์ที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ประเทศจีนนั้นได้กำลังแสดงอิทธิพลด้านทางทะเลข่มเพื่อนบ้านเป็นพิเศษอีกทั้งในสถานที่แห่งนี้มันก็ยังมีสิ่งที่ชวนตะลึ่งใจอยู่ไม่น้อย

ที่มันสามรรถดึงดูดใจของเหล่านักบรรดาที่ชื่นชอบในการดำน้ำจากทั่วโลกและบุคคลที่ได้มีความสนใจในส่วนของเรื่องลี้ลับให้ได้เข้ามาพิสูจน์ด้วยตนเองว่ามันจะเป็นอย่างไรมันจะเหมือนกับที่เขาได้นำเอามาเล่าสู่กันฟังหรือป่าว

และสำหรับรูปภาพที่ได้เห็นกันอยู่ในตอนนี้นั้น ซึ่งมันก็ได้เป็นโครงสร้างของหินที่มันได้มีขนาดใหญ่ที่มันได้มีรูปลักษณะที่เหมือนกับขันบันไดหรือบางคนเขาก็ได้บอกกันว่ามันดูคล้ายกับพีระมิด ที่นักดำน้ำต่างก็ได้เห็นจากนั้นก็ได้เอ่ยปากออกมาว่ามันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เหล่าธรรมชาตินั้น

สร้างขึ้นมา นอกจากมันอาจจะเป็นคนในสมัยโบราณที่มันได้มีอารยธรรมที่สูงมากๆ สำหรับในโครงสร้างหินเหล่านี้ก็ยังได้มีนักดำน้ำในพื้นที่ได้บังเอิญเข้าไปพบเห็นเมื่อปีประมาณ1986 และจากนั้นมานักธรณีวิทยาด้านท้องทะเลได้ดำเข้าไปสำรวจจากนั้นมาก็ได้ทำแผ่นที่โครงสร้างเหล่านี้ขึ้นมาซึ่งมันต้องใช้ระยะเวลามากถึง10ปีด้วยกัน

เรื่องราวในตำนานใต้น้ำที่หน้าเหลือเชื่อ

Heracleion

สำหรับเมืองHeracleionนั้นได้ห่างออกไปจากทางด้านของทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาเล็กซานเดอร์ ที่ได้เคยเป็นเมืองหลวงของอียิปต์โบราณในสมัยของยุคอาเล็กซานเดอร์ในยุคกรีกโรมันประมาณ32กิโลเมตร ซึ่งสถานที่เมืองแห่งนั้นมันก็เคยเป็นอดีตเมืองท่าเฮราคลีออน

ซึ่งในเมือง เมืองแห่งนี้นั้น เมื่อตอนครั้งในอดีตสถานที่เมืองแห่งนี้มันเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญเป็นอย่างมากเมื่อประมาณสมัยยุคของอียิปต์โบราณ นอกจากนี้ด้านเฮโรโดตัสที่ได้เป็นบิดาด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งเขาได้มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณช่วงศตวรรษช่วงที่5ก่อนคริสตศักราช

จากนั้นเขาก็ยังได้บอกเล่าของเมืองที่เคยรุ่งเรือนแห่งนี้ว่าพระนางเฮเลนกับเจ้าชายปาริสแห่งเมืองทรอย ซึ่งทั้งสองก้ได้เคยเดินทางมาเที่ยวในเมืองแห่งนี้ก่อนที่จะมีสงครามของโคจัน

เนื่องจากนี้ก็ยังได้มีนักภูมิศาสตร์ที่ได้เป็นคนชาวกรีกเขาก็ได้เขียนบันทึกเมืองลับแห่งนี้ด้วยเช่นกันแต่เนื่องว่าในช่วงขณะนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดที่จะสามารถค้นพบด้านหักฐานที่จะสามารถจับต้องได้โดยจริง ซึ่งบรรดานักอียิปต์วิทยาในยุคของยุคแรกนั้นก็ยังมั่นใจกันว่า สถานที่เมืองลับที่ว่านี้มันอาจจะเป็นการปรากฎอยู่ภายในพงศาวดารแค่นั้นแะลมันก็ไม่อาจจะมีตัวตนอยู่จริง

ซึ่งด้านเมืองHeracleionที่ได้อยู่ด้านทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝั่งอาเล็กซานเดอร์ ซึ่งเมืองดังกล่าวนี้มันได้สูญหายจมทะเลอยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากหลักฐานที่ได้มีการพบเห็นจากทีมค้นพบโบราณใต้น้ำที่ได้นำลูกทีมลงไปขุดค้นตั้งแต่ในปีประมาณ ค.ศ.1996

ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเนียนอาเล็กซานเดอร์ และมันก็ได้ทำให้เหล่านักวรรณคดีหลายคนนั้นจะต้องเปลี่ยนแนวคิดในครั้งใหญ่ เนื่องจากข้อมูลของทีมสำรวจโบราณคดีที่ได้เข้าไปสำรวจแล้วก็ได้บอกอีกว่าเฮโรโดตัสที่พวกเขาได้เคยบอกเอาไว้นั้นมันได้เป็นความจริง

เพราะเนื่องจากที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้นั้นมันได้มีเมืองท่าจมอยู่ใต้น้ำจริงๆเพียงแต่มันได้จมอยู่ใต้น้ำทะเลเมื่อประมาณ1พันปีก่อนแล้ว ซึ่งทำให้ชาวนักโบราณคดีได้ค้นพบวัตถุโบราณที่มีมูลค่าอยู่มากมายทั้งรูปปั่นของฟาโรห์รูปของหินที่แกะสลักเหรียญทองคำที่มันยังมีรูปร่างที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ในสมัยอดีตกาลสถานที่เมืองแห่งนี้นั้นได้มีการดำดงมีอยู่ในสมัยช่วงศตวรรษที่8 เนื่องจากสมัยก่อนนี้เมืองแห่งนี้ยังได้เคยเป็นศูนย์กลางในการค้าขายอย่างสำคัญมากที่สุดด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกทั้งยังรวมไปถึงเรือต่างๆที่จะต้องแวะเข้ามายังที่เมืองแห่งนี้เพื่อทำการแลกเปลี่ยนสินค้าเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

ของขลังศักดิ์สิทธิ์

ตับเหล็ก

ตับเหล้กนั้นมันก็คือตับคนที่ได้กลายเป็นเหล็กทางภาคกลางและทางภาคเหนือเรียกกว่าตับทองแดงได้มีตำนานเล่ากันว่าเหตุที่ตับของคนเป็นเหล็กได้นั้นเกิดจากสาเหตุดังนี้

1 วิชาอาคมบางประเภคสามารถส่งผลถึงของผู้เรียนวิชาไปถึง7ชั่วโคตรซึ่งบางวิชานั้นก็จะส่งผลผู้ที่ล้ำเรียนสำเร็จมีตับเหล็กด้วยอาถรรพ์ของวิชานั้นๆด้วยเหตุนี้เองจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าบางคนที่ไม่ได้ล้ำเรียนวิชาแต่มีผู้ที่สำเร็จวิชาอาคมนี้ก็อาจจะมีตับเหล็กได้เช่นกันหรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือสืบทอดผ่านทางพันธุกรรมนั่นเอง

2ผู้ที่มีคาถาวิชาอาคมล้ำเรียนวิชาอาคมบางประเภคเพื่อให้ตับของตนเองเป็นเหล็กก็มีตัวอย่าง เช่น วิชาคงกระพันตับเหล็ก อันมีคาถาขึ้นต้นว่า (ตับกูเป็นเหล็กให้ลิ้นกูเป็นทองแดง ให้หนังกูแกร่งยิ่งกว่าหินผา ให้ขนกูแกร่งยิ่งกว่าเพชรกล้า)เป็นต้น

3ผู้ที่กินว่านยาบางชนิดอย่างถูกต้องก็สามารถมีตับเหล็กได้เช่นกัน กล่าวคือว่านต่างที่จะนำมากินนั้นต้องมีการผสมสูตรตามสัดส่วนให้ถูกต้องตามตำราต้องมีการปลุกฤทธิ์ด้วยคาถาก่อนกินทุกครั้งโดยอาศัยเลิกงามยามบังคับและต้องกินว่านภายในสถานที่ที่ถุกต้องจัดเตรียมกับให้ขึ้นพิธีต่างๆมีความเชื่อกันว่าคนที่เกิดมามีตับทองแดงจะฆ่าไม่ตายคงกระพันมหาอุตม์

นอกจากตายเพราะหมดสิ้นอายุไขเองตามธรรมชาติเท่านั้นส่วนการที่จะได้มาครอบครองนั้นจะได้ก็ต่อเมื่อยามเผาศพและเก็บเถ่ากระดูกมาเองนอกจากอยู่ยงคงกระพันแล้วพกติดตัวไว้จะรักษาโรคสุขภาพจะดีแข็งแรงโดยเฉพาะด้านตับนั้นเอง

เดือยไก่ป่า

เชื่อกันว่าเป็นตีนของจ่าฝูงหรือพญาไก่ป่าเถื่อนมีลักษณะยาวยิ่งยาวยิ่งดีดำขับดูน่าเกรงขามด้านอิทธิฤทธิ์เชื่อกันว่านิสัยของไก่ออกหากินด้วยการคุ้ยหากินตื่นเช้าขันเก่งเสียงเราะเหมาะกับอาชีพพ่อค้าแม่ค้านักพูดนักติดต่อธุรกิจวิธีใช้ใช้ควบคู่กับพระคาถาไก่เถื่อนหรือหลวงปู่สุกไก่เถื่อน

โดยมีเรื่องเล่าว่าในขณะจําพรรษาที่วัดราชสิทธารามปรากฏว่าเป็นที่นับถือของชาวบ้านตลอดจนเจ้านายเชื้อพระองค์ต่างพากันไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านเป็นจำนวนมาก

ซึ่งท่านสามารถเรียกไก่เถื่อนจากป่าเป็นฝูงๆมารับการโปรยทานจากท่านเต็มลานวัดทุกๆวันนั่นเองด้วยเหตุนี้ชาวบ้านสมัยนั้นจึงภากันเรียกท่านว่าพระสังฆราชไก่ เถื่อนส่วนพระคาถามีดังนี้ บโม3จบ พุทรัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉานมิฯ (แล้วสวดบนพุทธคุณ 1 จบ) อิติปิโส เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุ

ตำนานแม่นาคแห่งบ้านพระโขนง

  เรื่องราวความรักความผูกพันระหว่างหญิงสาวคนหนึ่งกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีความรักกันแต่ถูกพรากจากความตายกลายมาเป็นตำนานเล่าขานต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบันสำหรับเรื่องเล่าของตำนานแม่นาคพระโขนงเป็นเรื่องเล่าที่มีมานานมากมายหลายปีก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งและชายหนุ่มคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านพระโขนง

เกิดความรักความผูกพันแต่งงานกันแต่ด้วยหน้าที่ที่ฝ่ายชายต้องเข้ารับราชการทหารจึงทำให้ฝ่ายชายต้องเดินทางไปเป็นทหารเกณฑ์และต้องออกรบในขณะที่ฝ่ายหญิงก็คือแม่นาคตั้งอยู่ที่หมู่บ้านพระโขนงเฝ้ารอคอยสามีให้กลับมาซึ่งระหว่างที่สามีก็คือพ่อมากเดินทางไป – อยู่นั้นแม่นาคก็อยู่ระหว่างของการตั้งท้องพอดีเรื่องราวความรักนี้มีการเล่าต่อๆกันมาถึงการเฝ้ารอคอยสามีของแม่นาคโดยในทุกๆเย็นเธอมักจะไปยืนตรงท่าน้ำ

ซึ่งจะเป็นสะพานไม้คอยเฝ้ารอมองหาเรือที่ผ่านไปผ่านมาว่าอาจจะมีเรือลำไหนสักลำที่ได้ป่าท้อมากกลับมาสู่บ้านแต่จนแล้วจนเล่าจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นหลายเดือนหน้าก็ยังไม่กลับมาสักทีจะมาถึงในช่วงที่แม่นากเจ็บท้องที่จะคลอดลูกซึ่งในสมัยโบราณนั้นการคลอดลูกจะกระทำกันที่บ้านเนื่องจากในสมัยโบราณยังไม่มีหมอและยังไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหมือนเช่นทุกวันนี้

ดังนั้นการคลอดลูกจึงค่อนข้างลำบากแล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดเกิดขึ้นเมื่อลูกในท้องของแม่นาคยังไม่กลับหัวส่งผลให้การคลอดยากลำบากและในที่สุดด้วยความเจ็บจนไม่สามารถทนได้แม่นาคจึงเสียชีวิตในระหว่างทำคลอดลูกดังจากมีเลือดออกในปริมาณมากจึงทำให้แม่นาคเสียเลือดมากจนช็อคและเสียชีวิตไปซึ่งถ้าหากเป็นในสมัยปัจจุบันนั้นการคลอดลูก

สำหรับเด็กที่ไม่ยอมกลับหัวทางโรงพยาบาลก็จะทำการผ่าคลอดซึ่งจะทำให้ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยแต่เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีเทคโนโลยีอย่างนี้จึงเป็นผลให้แม่นาคต้องเสียชีวิตจากการคลอดลูกชาวบ้านจึงพากันนำศพของแม่นาคไปทำการฝังไว้และเมื่อสงครามสงบ 

พ่อมากจึงได้กลับมาตั้งใจจะมาอยู่กับลูกเมียก็พบว่าแม่น่าเสียชีวิตลงเสร็จแล้ว และเรื่องราวความรักยังไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อแม่นาคยังคงรักในตัวสามีเธอจึงได้เป็นวิญญาณมาใช้ชีวิตอยู่กับสามีจนชาวบ้านรู้ข่าวต่างก็พากันบอกเล่าเรื่องว่าแม่นาคเสียชีวิตให้สามีของเธอฟัง

จึงทำให้เธอโมโหก็เธอเข้าใจว่าชาวบ้านมาพรากสามีของเธอไปจึงมีเหตุการณ์แม่นาคอาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านจนต้องให้หลวงพ่อมาช่วยกักขังวิญญาณแม่นาคนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาที่หมู่บ้านพระโขนงจึงได้สงบสุขลงดังเดิม และพ่อมากก็ได้บวชอุทิศบุญกุศลให้แม่นาก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame