เมื่อในปี พ.ศ.2551ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งเขาได้ฝันว่ามียักษ์ตนหนึ่งรู้สึกหนาวเหลืองเกินให้ใครก็ได้นำขึ้นจากน้ำทีหลังจากนั้นเขาก็ได้นำเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าให้กับชาวบ้านให้คนอื่นๆเขาได้ฟังกันแต่ปรากฏว่าไม่มีใครเชื่อกับความฝันที่เขาฝันเลย
จนกระทั่งเขานั้นได้นำเอาความฝันเหล่านี้ไปปรึกษาพูดคุยกับผู้รู้และรวมไปถึงพระที่อยู่ภายในวัดอีกด้วยหลายๆคนจึงได้สรุปกันว่าเราจะลองจ้างนักดำน้ำมาลองดำดูว่ามันจะเป็นไปตามที่เขานั้นฝันจริงหรือไม่
เมื่อนักดำน้ำได้มาถึงปรากฏว่านักดำน้ำได้ไปพบกับท่อนหินที่มีขนาดใหญ่อยู่กลางคลองจริงๆแต่ก็ไม่สามารถที่จะนำเอาขึ้นมาได้เพราะเนื่องจากว่าก้อนหินดังกล่าวนี้มีขนาดที่ใหญ่แรงของนักดำน้ำที่ลงไปไม่สามารถที่จะช่วยกันยกกันขึ้นมาได้จึงได้ตัดสินใจว่าเราจะนำเอาเรือเครนพอเรือเครนได้มาถึงก็เริ่มทำการยกรูปปันนี้ขึ้นปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ที่มันไม่หน้าจะเกิดขึ้นมาได้
โดยเรือเครนนี้ไม่สามารถที่จะยกรูปปั่นขึ้นมาได้จากน้ำเช่นเดียวกันจึงทำให้ชาวบ้านนี่มันอาจจะเป็นอาถรรพ์หนึ่งที่พวกเขาได้กระทำการโดยที่ไม่มีการขอขมาหรือทำการบวงสรวงอะไรก่อนจากนั้นก็ได้เริ่มพิธีบาสีบวงสรวงในการนำเอารูปปั่นของยักษ์แม่ใหญ่นี้ขึ้นมาจากลำน้ำแม่กลอง
นอกจากนี้หลังจากที่ได้จบพิธีแล้วเรือเครนก็ได้ทำการยกรูปปั่นนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งปรากฏเหตุการณ์ที่น่าทึ่งอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่จบพิธีการบวงสรวงอะไรต่างๆแล้วการยกรูปปั่นยักษ์แม่ใหญ่ขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเลยทำให้ชาวบ้านที่ได้พบเห็นเหตุการณ์นั้นถึงกับอึ่งกันเลยว่าเหตุการณ์รอบแรกทำไมถึงยกรูปปั่นยักษ์แม่ใหญ่ขึ้นมาไม่ได้แล้วทำไมรอบนี้ถึงสามารถยกรูปปั่นยกแม่ใหญ่ขึ้นมาได้หรือมันอาจจะเป็นการทำพิธีขอขมาอะไรต่างๆเรียบร้อยไปแล้ว
ซึ่งจึงได้ทำให้การยกในครั้งนี้เป็นไปได้ออย่างง่ายดายเมื่อสำรวจดูรูปปั่นที่ยกขึ้นมาได้กลับพบว่ารูปปั่นยักษ์แม่ใหญ่นั้นมีเพียงแค่ส่วนตัวในส่วนหัวของยักษ์แม่ใหญ่นั้นไม่มีได้หายไปอย่างไม่มีร่องรอยหลังจากที่ได้ทำการพบเจอส่วนตัวของยักษ์แม่ใหญ่แล้วก็ได้มีการดำค้นหาส่วนหัวอีกครั้งหนึ่ง
ปรากฏว่าส่วนหัวหายเท่าไหร่ก็ไม่พบหลังจากนั้นก็ได้มีการนำเอารูปปั่นยักษ์แม่ใหญ่มาไว้บนศาลาริมคลองไกล้ๆกับที่งมได้นั่นแหละ
สนับสนุนเรื่องราวโดย แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ