ตำนานผีดุแยกเจ้าอ้ายเจ้ายี่ 

   

          เจดีย์เจ้าอ้ายเจ้ายี่ถือว่าเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง สำหรับการพบเจดีย์เจ้าอ้ายเจ้ายี่เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งกล่าวถึง เจ้านางสองคนที่ชื่อว่าเจ้าอ้ายพญา และเจ้ายี่พญา ซึ่งสำหรับคำว่าอ้ายแล้ว คือ หนึ่ง ส่วนคำว่ายี่นั้นคือ สองนั้นเอง มีเรื่องราวว่าทั้งคู่นั้นมีเรื่องราวทะเลาะกันจนเป็นเหตุให้มีเรื่องราวน่าเศร้าสลดเกิดขึ้น นั้นก็คือ เมื่อทั้งคู่ทะเลาะกัน

จึงได้ออกมาสู้รบกันเอง และผลจากการสู้รบกันในครั้งนั้น ต่างฝ่ายต่างก็เสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครชนะ ซึ่งหลังจากเจ้าอ้ายกับเจ้ายี่เสียชีวิตแล้วก็ทำให้เจ้าสามพระยาซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องต้องมาดำรงตำแหน่งรับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบกับงานที่ยิ่งใหญ่แทนทั้งสองพระองค์

และเหตุการณ์ครั้งนั้นเองที่ทำให้เจ้าสามพระยาได้ขึ้นครองราชย์กลายมาเป็น พระสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่สอง และพระองค์ใดโปรดเกล้าให้สร้างเจดีย์ทั้ง 2 เจดีย์นี้ขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันนี้เจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้กลายเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของวัดราชบูรณะ และต่อมาก็ได้มีการสร้างถนนและบริเวณตรงนี้กลายเป็นสี่แยกซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาชาวบ้านต่างก็พากันเรียกแยกนี้ว่าแยกเจ้าอ้ายเจ้ายี่ ซึ่งบริเวณสี่แยกเจ้าอ้ายเจ้ายี่นี้ชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันว่าที่บริเวณนี้มีผีที่ดุมาก

  ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวจนถึงขนาดที่ต้องไปจ้างหมอผีมาทำพิธีขับไล่วิญญาณออกไปแต่ไม่ว่าจะเชิญหมอผีมากี่คนหรือเชิญมากี่ครั้งก็ตามผู้คนแถวนั้นก็ยังคงเห็นว่ามีวิญญาณผีออกมาอาละวาดอยู่เลย ซึ่งมีชาวบ้านต่างก็มาเล่าถึงประสบการณ์ในการเห็นผีในครั้งนี้ว่าหากใครก็ตามที่มีการขับรถมาผ่านแยกเจ้าอ้ายเจ้ายี่ในช่วงเวลายามค่ำคืนแล้วล่ะก็

ถ้าคุณโชคดีคุณก็จะเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่แต่งกายด้วยชุดนักรบมายืนขวางทางบนถนนไม่ยอมให้คุณขับรถผ่านจากบริเวณนั้นไป และเมื่อคุณหยุดรถเขาก็จะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของคุณทันที ซึ่งตำนานเรื่องเล่านี้เป็นตำนานที่มีการเล่าขานกันอย่างมายาวนานแต่ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงตำนานนี้แล้วซึ่งเชื่อว่าวิญญาณเหล่านั้นคงไปผุดไปเกิดกันหมดแล้ว

เพราะปัจจุบันนี้เมื่อเป็นคนรุ่นใหม่จะไม่เคยเห็นวิญญาณที่เคยเห็นกันตรงแยกวัดเจ้าอ้ายเจ้ายี่กันอีกแล้วนั่นเองแต่อย่างไรก็ดีในบริเวณเขตของวัดราชบูรณะนั้นก็ยังมีวิญญาณที่เชื่อกันว่าคอยเฝ้าสมบัติให้กับทางวัดอยู่ เรื่องราวที่น่ากลัวนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าสามพระยาได้นำทรัพย์สมบัติของเจ้าอ้ายเจ้ายี่นั้นไปฝังไว้ที่กลางบริเวณพื้นที่ของวัดราชบูรณะ

หลังจากนั้นต่อมาในช่วงประมาณปี พ.ศ 2499  มีข่าวว่ามีโจรเข้ามาเพื่อที่จะเข้ามาขุดสมบัติ ซึ่งทางกรมศิลปากรเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการทำเอกสารยื่นเรื่องขอเข้าไปตรวจสอบวัดราชบูรณะทันที ซึ่งพบว่าพวกหัวขโมยที่เป็นโจรใจบาปนั้นได้ลักลอบเข้ามาขุดเจาะเข้าไปจนถึงพระปรางค์ด้านใน ได้สมบัติไปมากมายหลายอย่างแต่ไม่ว่าโจรจะเอาไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเอาไปหมด

ซึ่งทางด้านกรมศิลปากรนั้นก็ได้มีการนำเข้าของเงินทองที่ทางจนขุดเอาไว้แล้วไม่ขนไปหมดนั้นออกมาวางไว้ข้างนอกเพื่อจะนำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยปรากฏว่าระหว่างที่มีการขนย้ายทรัพย์สมบัตินั้นเกิดฟ้าร้องฟ้าคำรามเสียงดังและ 1 ในทรัพย์สมบัตินั้นมีพระแสงซึ่งเป็นดาบเกิดมีลำแสงสีทองสว่างวูบวาบขึ้น ก็ดีหลังจากที่กรมศิลปากรได้มีการนำทรัพย์สมบัติ

ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้วก็สามารถรู้ได้ว่าใครที่เข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติได้ไปบ้างเนื่องจากว่าคนที่เข้ามาขโมยทรัพย์สมบัตินั้นได้มีอันเป็นไปบางคนก็มีสติฟั่นเฟือนพูดจาไม่รู้เรื่องบางคนก็ชีวิตมีแต่ปัญหาประสบความล้มเหลวซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากที่พวกเขาเขาขโมยทรัพย์สมบัติในเขตของวัดราชบูรณะนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  sagame88