สำหรับเรื่องราวในตำนานของแร้งวันสระเกศเปรตวัดสุศน์ในสมัยรัชที่3และรัชกาลที่5ก็ยังเกิดโรคระบาดโรคห่าหรือว่าโรคอหิวาตกโรคนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งในคราวนี้โรคห่าหรือว่าโรคอหิวาตกโรคได้มีการระบาดเยอะมากขึ้นกว่าในครั้งก่อนจึงทำให้มีผู้คนได้เสียชีวิตลงไปเป็นจำนวนมากและวัดสระเกศก็ยังคงประสบปัญหากับการเผาศพไม่ทันอีกเช่นเคยแร้งนกแร้งหรือว่าอีแร้งนี่แหละที่เป็นตัวเลือกหนึ่งในการกำจัดศพในสมัยนั้นจึงกลายเป็นคำพูดติดปากในสมัยนั้นมาว่า แร้งวัดสระเกศนั่นเอง
หากมีหารพูดถึงเรื่องแร้งวัดเกศแล้วก็จะไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องเปรตวัดสุศน์เช่นเดียวกันสำหรับเรื่องราวของการเกิดเปรตวัดสุศน์หรือว่าตำนานเปรตวัดสุศน์ถ้าพูดถึงเปรตหรือว่าผีเปรตทุกคนคงจะรู้จักกันดีใช่หรือไม่ผีที่มีลักษณะสูงขายาวมือเท่าใบลานปากเท่ารูเข็ม
ซึ่งได้เป็นความเชื้อที่ว่ากันว่าผีเปรตหรือมนุษย์ที่ได้ทำบาปหรือว่าทำกรรมหนักหนาสาหัสเช่นตบตีพ่อแม่ด่าเถียงบิดามารดาหรือว่าด่าครูบาอาจารย์ปากก็จะเท่ารูเข็มตบตีพ่อแม่มือก็จะเท่าใบลา
เมื่อตายไปแล้วก็จะกลายมาเป็นเปรตเพื่อชดใช้กรรมเมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่นั่นเองและในการพบเห็นการปรากฎตัวของเปรตนี้ชาวบ้านว่ากันว่ามันเป็นเรื่องของการเข้ามาขอส่วนบุญ
สำหรับเรื่องของตำนานเปรตวัดสุศน์เป็นเรื่องราวที่มีชาวบ้านได้เล่าต่อๆกันมาต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านดีๆเรื่องนี้ได้เป็นเรื่องเล่าของตำนานเปรตวัดสุศน์ชาวบ้านว่ากันว่าเคยมีผู้พบเห็นเป็นเปรตสองผัวเมียได้ออกมาหลอกคนแถววัดสุศน์อยู่บ่อยครั้งบ้างก็ว่าคำว่าเปรตวัดสุศน์เป็นคำเรียกประชดพวกมารศาสนาที่ชอบออกมาหลอกชาวบ้านแถวนั้น
บางทีก็ว่ากันว่าผีเปรตวัดสุศน์นี้ที่จริงแล้วมันคือเงาจากเสาชิงช้าเป็นความเชื่อตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่องราวของเปรตวัดสุศน์แห่งนี้ที่ได้มีการเล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักจะชอบมีเปรตปรากฏกายขึ้นในเวลากลางคืนประกอบกับช่วงที่ว่ามีโรคอหิวาตกโรคระบาดในช่วงนั้นด้วย
ซึ่งแท้จริงแล้วเรื่องราวของเปรตวัดสุศน์นั้นก็มาจากภาพวาดในพระอุโบสถ์ของวัดสุศน์นั่นเองเป็นภาพวาดฝาผนังที่เป็นรูปวาดเปรตตนหนึ่งได้นอนพลาดกายอยู่และมีพระสงฆ์ท่านได้ยืนพิจารณาอยู่รูปภาพนี้ถือได้ว่าเป็นรูปภาพที่โด่งดังมากๆในสมัยอดีตแต่การพบเจอเปรตวัดสุศน์นั้นชาวบ้านบางคนเชื่อบางคนก็ไม่เชื่อ
สนับสนุนโดย รวมเว็บหวยออนไลน์