ประวัติประเพณีผีตาโขน 

          ประวัติประเพณีผีตาโขน  เมื่อพูดถึงประเพณีผีตาโขนเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินและอาจจะเคยเดินทางไปเที่ยวเยี่ยมชมการจัดงานประเพณีกันมาบ้างซึ่งประเพณีนี้นั้นจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี 

เนื่องจากเป็นประเพณีประจำของจังหวัดเลย   เป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่นักท่องเที่ยวต่างก็อยากไปรุ่งและไปเห็นการจัดงานประเพณีนี้กัน

      สำหรับประวัติความเป็นมาของการจัดประเพณีผีตาโขนนั้นมีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณเป็นประเพณีที่เกี่ยวโยงเกี่ยวกับเรื่องของงานบุญ  สำหรับประเพณีนี้ถือว่าเป็นประเพณีงานบุญใหญ่ของจังหวัดเลยเลยก็ว่าได้ซึ่งชาวบ้านจังหวัดเลยจะมีการเรียกประเพณีนี้ว่าบุญผะเหวดหรืองานบุญหลวง 

        การจัดประเพณีผีตาโขนนั้นเป็นงานบุญที่จะมีการเกี่ยวพันกับเรื่องของพระพุทธศาสนาโดยจะมีการจัดขึ้นที่อำเภอด่านซ้ายภายในงานนั้นจะมีการเทศน์มหาชาติประจำปีเป็นงานบุญพระเวทย์ที่มีความเกี่ยวพันกับพระธาตุศรีสองรักซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของอำเภอด่านซ้ายนั่นเองการจัดงานจะมีการจัดขึ้นให้ตรงกับเดือน 7  หรือเดือนกันยายน

          สำหรับประวัติความเป็นมาของการจัดประเพณีผีตาโขนนั้นมีความเชื่อกันว่า  ประเพณีใดมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยของพระเวสสันดรที่เดินทางออกมาจากป่าพร้อมกับพระนางมัทรี

โดยทั้งสองพระองค์นั้นเดินทางเพื่อที่จะพากันเข้าไปในตัวเมือง  แต่เนื่องจากว่าตอนที่อยู่ในป่านั้นพระเวสสันดรและพระนางมัทรีเป็นที่รักของสัตว์นานาชนิดรวมถึงพวกบรรดาผีป่าทั้งหลาย

           ดังนั้นพอรู้ว่าพระเวสสันดรและพระนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่าจึงพากันอะไรและแฝงตัวมากับทั้งสองพระองค์ด้วยโดยมีการปลอมแปลงมาเป็นชาวบ้านเพื่อที่จะมาส่งพระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับเข้าสู่เมืองนั่นเองซึ่งในสมัยนั้นได้มีการเรียกกันว่าผีตามคนต่อมาก็มีการเรียกเพี้ยนเป็นผีตาขนแล้วต่อมาก็เพี้ยนหนักจนกลายเป็นผีตาโขนมาจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง 

         สำหรับการแต่งกายผีตาโขนจะมีการแบ่งออกเป็น 2 แบบนั้นก็คือผีตาโขนใหญ่และผีตาโขนเล็กซึ่งแตกต่างกันที่ว่าถ้าผีตาโขนใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่แต่งตัวคล้ายกับผีมีการตกแต่งโดยมีการนำวัสดุต่างๆมาประดับตกแต่งให้มีความน่ากลัว ส่วนผีตาโขนและก็จะเป็นเด็กมาทำการตกแต่งซึ่งผีตาโขนเล็กนั้นจะค่อนข้างซุกซนและเล่นโลดโผน

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กผู้ชายมีการแต่งเป็นผีตาโขนเล็กส่วนผีตาโขนใหญ่นั้น จะมีการสร้างแค่เพียง 2 ตัวเท่านั้นก็คือตัวเพศหญิงกับเพศชาย และคนที่จะสามารถเป็นผีตาโขนใหญ่ได้นั้นจะต้องเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วเท่านั้นไม่สามารถที่จะให้ใครเป็นก็ได้ 

 

สนับสนุนโดย    มั่งมีหวย

ตำนานหลวงพ่อปากแดง  วัด พราหมณี  จังหวัดนครนายก 

       ตำนานหลวงพ่อปากแดง เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อปากแดงกันเป็นอย่างดีเนื่องจากว่ามีชื่อเสียงของความศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการขอโชคลาภขอหวย

ซึ่งในแต่ละวันนั้นมักจะมีผู้คนเดินทางไปที่วัดพราหมณีเพื่อขอพรกับหลวงพ่อปากแดงดังนั้นในวันนี้เราจะมาพูดถึงประวัติของหลวงพ่อปากแดงกันว่ามีประวัติความเป็นมายังไงบ้าง

         สำหรับตำนานของหลวงพ่อปากแดงนั้นได้รับการบอกกล่าวมาจากเจ้าอาวาสวัดพราหมณีซึ่งก็คือพระครูโสภณพามาคุณหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อตี๋ง   ซึ่งได้พูดถึงเกี่ยวกับตำนานเรื่องของหลวงพ่อปากแดงที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือว่าหลวงพ่อปากแดงนั้นเป็นพระพุทธรูปที่เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดหนองคาย  หลวงพ่อปากแดงนั้นมีพระพุทธรูปที่เป็นพี่น้องกันอีก 2 รูปด้วยกันซึ่งในขณะนั้นประดิษฐานอยู่ด้วยกันที่วัดเดียวกันก็คือหลวงพ่อพระสุกกับหลวงพ่อพระใส

       อย่างไรก็ตามตามตำนานในการเล่าว่าก่อนที่พระพุทธรูปทั้ง 3 รูปนี้ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อปากแดงหรือแม้แต่หลวงพ่อพระสุกและหลวงพ่อพระใสนั้น

แต่เดิมไม่ได้อยู่ที่วัดในจังหวัดหนองคายแต่อยู่ที่นครเวียงจันทน์ซึ่งพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้ได้รับการอัญเชิญมาให้มาที่ประเทศไทยหลังจากที่อัญเชิญมาเสร็จเรียบร้อยแล้วพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ก็ถูกแยกย้ายไปประดิษฐ์ฐานไปอยู่ตามวัดต่างๆซึ่งพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ก็ได้แยกย้ายออกจากกันโดยหลวงพ่อปากแดงนั้นก็ถูกอัญเชิญมาไว้ที่วัดพราหมณีซึ่งในครั้งแรกนั้นเป็นการอัญเชิญเพื่อมาหยุดพักบริเวณที่ว่างเพียงเท่านั้นแต่หลังจากนั้นก็มีการอัญเชิญให้ประดิษฐานอยู่ที่วัดพราหมณีแบบถาวร 

             โดยหลังจากที่หลวงพ่อปากแดงมาประดิษฐานอยู่ที่วัดพราหมณีก็ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวบ้านเป็นอย่างมากทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อปากแดงนั้นโด่งดังไปทั่วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาวบ้านมาขอโชคลาภก็มักจะสมหวังตามที่ขอจึงมักมีคนมาทำการแก้บนหลังจากนั้นก็เริ่มมาทำการขอหวยแล้วมีคนถูกหวยก็มาแก้บนยิ่งทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อปากแดงยิ่งกังวาลไกลไปทั่วจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง 

         ตามความเชื่อของชาวบ้านมีการเชื่อกันว่าหลวงพ่อปากแดงนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากมักจะช่วยเหลือให้ชาวบ้านที่มาขอพรประสบความสำเร็จในสิ่งที่ได้มีการร้องขอและต้องการโดยชาวบ้านมักจะมีการนำดอกไม้ธูปเทียนมาถวายหลวงพ่อปากแดงซึ่งหลวงพ่อปากแดงนั้นเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยโลหะสำริดเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ

       สำหรับจุดเด่นของหลวงพ่อปากแดงนั้นจะมีพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มมีสีแดงที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนอกจากนี้จีวรยังเป็นลายดอกพิกุลและเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลปะสมัยล้านช้างทำให้หลวงพ่อปากแดงนั้นเป็นที่สะดุดตาอย่างมาก       

 

สนับสนุนโดย    alpha88

การก่อกบฏในสมัยราชวงศ์ซุนตี้ปีคริสต์ศักราช 1283

การก่อกบฏในสมัยราชวงศ์ซุนตี้ รัชสมัยของกุบไล่ข่านฐานะจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์หยวนที่ปกครองอาณาจักรจีนแทนที่ราชวงศ์ซ่งใต้เป็นเวลา 18 ปี

นับตั้งแต่พิชิดอาณาจักรซ่งใต้แล้วได้รวมอาณาจักรเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดระยะเวลา109 ปีที่จักรพรรดิมองโกลครองอาณาจักรนับตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นมา

เมื่อปีคริสต์ศักราช 1260 จนถึงรัชการสุดท้ายซุนตี้ที่ครองราชระหว่างปีคริสต์ศักราช 1333-1368 ซึ่งมีจักรพรรดิมองโกลทั้งสิ้น11พระองค์จักรพรรดิราชวงศ์หยวนที่สืบต่อจากกุบไลข่านนอกจากจะไม่มีความสามารถเท่าเทียบกุบไลข่านแล้วยังใช้อำนาจอย่างทรราชแสวงหาหาแต่ความสสำเริงสำราญสำหรับตนและแต่ละคนก็ครองราชได้ระยะเวลาอันสิ้น

ถ้าจักรพรรดิหลังมองโกลกุบไลข่านไม่เป็นทรราชก็มักแต่หาความสำเริงสำราญความหรูหราและความฟูเฟื่องในรัชสำนักซึ่งแสดงว่าความคิดจิตใจตลอดวิญญาณนักรบที่บรรพบุรุษเคยมีมาจนโลกหวาดกลัวได้หายไปหมดแล้วงบประมาณที่สมัยกุบไลข่านเคยใช้จ่ายในการทำสงครามที่เปล่าประโยชน์ทั้งในการรบกับญี่ปุ่นก็ทำให้ท้องพระคลังปิดหีบไม่ลง

ยิ่งในราชสำนักของพระองค์หลังๆยิ่งสิ้นเปลืองมากจึงหาทางออกด้วยการพิมพ์ธนาบัตรเพิ่มมแต่ก็เป็นธรรมดายิ่งพิมพ์ธนาบัตรมากเท่าไรค่าของมันก็ยิ่งลดลงเท่านั้นในตอนปลายราชวงศ์หยวนถึงขนาดพิมพ์ธนาบัตรกันทุกวันเพื่อสนองความต้องการเฉพาะหน้า

จนกลายเป็นเศษกระดาษไปขุนนางตั้งแต่ชั้นเสนาบดีทั้งหลายภายหลังก็ทุจริตเป็นการใหญ่การก่อความไม่สงบซึ่งมีอยู่เป็นประจำก็ยิ่งรุกรานไปทั่ว เพราะความเกลียดชังที่ชาวฮั่นมีต่อมองโกลเข้ากระดูกดำเพียงกุบไลข่านพิชิตซ่งใต้ได้เพียง 2 ปีห่วงว่าจะก่อการกบฏขึ้นด้วยกำลังอาวุธ

โดยได้มีกำลังหลายแสนคนสามารถต่อต้านทหารมองโกลได้ถึง 6 ปีในปีคริสต์ศักราช 1283 เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต่างๆทั่วอาณาจักรรายงานว่ามีการกบฏอาวุธถึง 200 รายต่อมาในปีคริสต์ศักราช 1289 รายงานของทางราชการกล่าวว่าเฉพาะบริเวณตอนล่างของแม่น้ำฉางเจียงแห่งเดียวมีการก่อความไม่สงบถึง 400 ครั้ง 

ซึ่งครั้งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือครั้งที่สามารถกำจัดราชวงศ์หยวนและชาวมองโกลออกไปจากแผ่นดินได้ในรัชสมัยซุนตี้จักรพรรดิองค์ที่11ซึ่งได้ขึ้นครองราชด้วยยังเยาว์วัยนั้นยังมีพระชนมายุมากขึ้นก็ใฝ่หาต่อความแต่ความสะดวกสบายใช้ชีวิตสำเริงสำราญทั้งที่งบประมาณก็แย่พออยู่แล้ว

เมื่อเกิดเหตุกบฏรุกรามมาถึงทุกทีเสนาบดีคนสุดท้ายของราชวงศ์หยวนก็ถูกเสนอต่อจักรพรรดิว่าเห็นสมควรให้จับชาวฮั่น5แซ่ด้วยกันคือแซ่จางแซ่หวางแซ่หลิวแซ่รีและเจ้าฆ่าเสียให้หมดเนื่องจากชาวฮั่นที่ใช้แซ่ทั้ง5นั้นมีจำนวนมากที่สุดในอาณาจักร

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    aesexy

เครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์

เรื่องราวที่แบ่งปันกันระหว่างเครื่องปั้นดินเผาสกอตแลนด์และสแตฟฟอร์ดเชียร์ผ่านคนงาน เจ้าของ และแนวคิดที่แลกเปลี่ยนกันผ่านสูตรดินเหนียวและเคลือบ

เป็นส่วนสำคัญของการเล่าเรื่องของนิทรรศการ โฆษณาใน Staffordshire Advertiser, The Pottery Gazette และชิ้นส่วนจาก Caledonian และ Grosvenor Pottery เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันนี้ เครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์โฆษณาและค้นหาคนงานจาก The Potteries

เพื่อช่วยเริ่มต้นอุตสาหกรรมทางเหนือของชายแดน Frank E. Wedgwood บรรยายถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์นี้ว่าเป็น ‘พี่น้องช่างหม้อ’ ในปี 1926 อันที่จริง ความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างเครื่องปั้นดินเผาของ Stoke-on-Trent และเครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์เพิ่งเริ่มเป็นที่เข้าใจ

เมื่อพิจารณาจากการตัดผู้พิทักษ์เซรามิกเมื่อเร็วๆ นี้และการเข้าถึงพิพิธภัณฑ์ที่ลดลงในสโตกออนเทรนต์ ความสำคัญของการทำความเข้าใจการมีส่วนร่วมร่วมกันในการออกแบบเซรามิก การผลิต ทักษะงานฝีมือ และการประกอบการของสหราชอาณาจักรจึงมีความสำคัญยิ่งกว่า หวังว่านิทรรศการนี้จะกระตุ้นการวิจัยและความใส่ใจในความสัมพันธ์นี้มากขึ้น

เครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์ เพื่อให้เข้าใจและเฉลิมฉลองความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมคู่ขนานเหล่านี้และมรดกดินเหนียวที่ใช้ร่วมกันของสกอตแลนด์และสแตฟฟอร์ดเชียร์ เรื่องราวที่ติดตามการขึ้นและลงของอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์เริ่มต้นบทใหม่ผ่านนิทรรศการนี้

การเชื่อมต่อทั่วโลก จำนวนประเทศที่อุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์เข้าถึงได้และการเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นเป็นผลให้ครอบคลุมทั่วโลก การสื่อสารกับผู้เยี่ยมชมถึงการเข้าถึงทั่วโลกและความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์เป็นส่วนสำคัญของความคิดเบื้องหลังนิทรรศการ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นสำหรับตลาดส่งออกจะสะท้อนให้เห็นในสินค้า 50 ชิ้นที่เลือกไว้สำหรับจัดแสดง

นักออกแบบและผู้ผลิตเซรามิกอุตสาหกรรมชาวสก็อตได้สร้างการออกแบบการส่งออกที่ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อดึงดูดแง่มุมของเอกลักษณ์ประจำชาติและความอ่อนไหวด้านสุนทรียภาพของประเทศปลายทาง ตัวอย่างเช่น การออกแบบที่มีสีตัดกัน รวมทั้งตราประทับด้านหลังที่เขียนด้วยภาษายาวี ซึ่งเป็นอักษรอาหรับแบบมาเลย์

ถูกผลิตขึ้นสำหรับชุมชนมุสลิมที่พูดภาษามาเลย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การออกแบบผสมผสานบีเว่อร์และใบเมเปิ้ลสำหรับแคนาดา โดยมีนกอีมูและจิงโจ้สำหรับตลาดออสเตรเลีย ผลิตฟองน้ำหลากสีสันด้วยลวดลายเรขาคณิตและผลไม้สำหรับอินโดนีเซีย อินเดีย มาเลเซีย และศรีลังกา

รายชื่อประเทศส่งออกค่อนข้างพิเศษ โดยผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาของสก็อตแลนด์ตระหนักและตอบสนองต่อช่องว่างในตลาดโลก

ความคิดสร้างสรรค์ แนวคิดในการออกแบบ และการประกอบการนี้ขยายไปถึงการเป็นเจ้าของเครื่องปั้นดินเผา Possil ของ Tennent Brewery ในการจัดหาขวดสำหรับตลาดคิวบาที่สำคัญของพวกเขาด้วยสัญลักษณ์ ‘T’ ของสกอตแลนด์ที่ประทับบนขวดสโตนแวร์ที่ผลิตในกลาสโกว์และส่งไปยังแคริบเบียน

เสียงในอนาคต งานที่ผลิตโดยนักศึกษาศิลปะประยุกต์ของวิทยาลัย City of Glasgow College (ภาพขวาและด้านล่าง) เป็นส่วนสำคัญและมีพลังในการแสดง นักเซรามิกส์ในอนาคตที่สร้างแรงบันดาลใจคือกุญแจสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประวัติศาสตร์เครื่องปั้นดินเผาของสกอตแลนด์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของมรดกที่มีชีวิตได้อย่างไร มันวิเศษมากที่วิทยาลัย City of Glasgow ต้องการมีส่วนร่วม นักเรียน 20 คนได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการทำและตกแต่งแผ่นแม่พิมพ์ พวกเขายังได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันกระเบื้องที่ระลึก

มั่งมีหวยออนไลน์  ซึ่งเป็นการตอบรับร่วมสมัยต่ออุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์ กระเบื้องที่เลือกเป็นตัวแทนของ ‘อุตสาหกรรมผี’ ของสกอตแลนด์ และจะนำไปบริจาคให้กับ Maryhill Burgh Halls เพื่อสร้างชุดแผงอุตสาหกรรมประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงอยู่ในปัจจุบันให้เสร็จสมบูรณ์

ผลงานด้านศิลปะที่หลายคนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ 

       ผลงานด้านศิลปะ  เชื่อว่าหากมีการนำเสนอผลงานที่เกี่ยวกับศิลปะออกมาบางชิ้น หลายคนคงคิดว่าไม่น่าจะทำขึ้นมาได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีศิลปินหลายคนที่มีการนำแนวความคิดแปลกแนวมาสร้างสรรผลงานด้านศิลปะขึ้นมาและสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เรามาดูกันว่ามีศิลปะอันไหนบ้างที่ถ้าเราเห็นจะต้องร้องว้าว และคิดว่าไม่น่าจะมีใครทำได้ 

ศิลปะจากกาแฟ

         ไม่น่าเชื่อว่ากาแฟที่เรากินกันนี้จะสามารถนำมาสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปะได้ด้วยแต่กลับมีศิลปินคนหนึ่งซึ่งเขาเป็นศิลปินชาวอิตาลีได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่น่าทึ่งโดยใช้อาหารอย่างกาแฟเป็นสื่อกลางก่อให้เกิดผลงานศิลปะอันน่าทึ่งซึ่งการทำงานของ Benelli จะไม่มีการวางแผนการทำงานล่วงหน้าทุกอย่างใช้จินตนาการ

และทักษะในการสร้างภาพวาดที่ซับซ้อนซึ่งดูราวกับว่าเกิดจากการหกหรือหยดจากช้อนของกาแฟไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคลสัตว์และทะเลที่แผ่กิ่งก้านสาขา โดยเสื่อออกมาเสมือนสิ่งมหัศจรรย์จากความบังเอิญที่สวยงามอย่างที่เห็น 

 ศิลปะบนใบไม้

            ใบไม้วัสดุจากธรรมชาติที่คล้ายๆอาจจะมองข้ามแต่ไม่ใช่กับศิลปินสหรัฐอเมริกา  พีรารี่  วอเตอร์ฟูล  นี้ที่ได้ประชุมประสานงานที่เธอถนัดเกี่ยวกับสิ่งทอเมื่อร่วมกับวัสดุใบไม้และพื้นที่เก็บได้จากทั่วเมืองมาสร้างผลงานที่มีชื่อว่าโบนัสนิโคติน เวิร์ค 

โดยใช้วิธีตัดถักเย็บใบไม้ร่วงถึงวัสดุออร์แกนิคอื่นๆจนกลายมาเป็นผลงานศิลปะที่สวยงามจากความคิดที่อยากให้ผู้คนที่เห็นศิลปะของเธอได้ตระหนักถึงศักยภาพของธรรมชาติและมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่มักจะถูกมองข้ามคนงานศิลปะบนใบไม้ที่สวยงามแปลกตาชุดนี้จึงเกิดขึ้น 

       ศิลปะจิ๋วบนไส้ดินสอ

          อย่างที่เรารู้กันดีว่าดินสอนั้นถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ในการเขียน นำเสนอสื่อทางศิลปะโดยการสร้างร่องรอยในการเขียน  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรามักจะนำดินสอมาเกี่ยวข้องกับงานศิลปะก็คือการนำดินสอมาวาดรูปภาพมาระบายสี รวมถึงแรเงาต่างๆนั่นเอง

แต่อันที่จริงแล้วดินสอนั้นมีความเกี่ยวพันกับผลงานด้านศิลปะเกินกว่าที่เราจะคาดคิดเพราะคุณรู้หรือไม่ว่าตัวไส้ของดินสอที่มีขนาดเล็กๆเองก็สามารถแปลงร่างกลายเป็นผลงานศิลปะได้ด้วยเช่นกัน

           ศิลปินชาวรัสเซีย  ท่านหนึ่งมีชื่อว่า ซาราวัต ฟีได  เขานับว่าเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งและเขาเป็นคนที่มีความสามารถในการแกะสลักงานศิลปะขนาดจิ๋ว กริลแอร์ และหนึ่งในผลงานที่เขาได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาที่ทำให้ทั่วโลกต่างตะลึงก็คือการสร้างผลงานศิลปะขนาดจิ๋วบนไส้ดินสอกลาไฟท์ที่มีขนาดเล็กเพียงแค่ 0.5 -2 มิลลิเมตร  

       ศิลปินชาวรัสเซียคนนี้ โดยสร้างผลงานแต่ละชิ้นล้วนเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความละเอียดประณีตจนน่าทึ่งมีตั้งแต่สิ่งที่มีรายละเอียดไม่มากนักอย่างตัวโน้ตดนตรีดอกไม้ไปจนถึงตัวละครจากภาพยนตร์ดังอย่างต่ำหรือแม้แต่ผู้นำประเทศที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว กันเลยทีเดียว 

ต้นกำเนิดของนักเขียนยุคใหม่

ต้นกำเนิดของนักเขียนยุคใหม่ สำหรับนักเขียนสามารถที่จะเขียนได้ทุกเพศและทุกวัย ไม่มีขีดจำกัดในการเขียนเลยแม้แต่น้อย เราเชื่อว่าอาชีพนักเขียนนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น สำหรับบางบุคคลนั้นก็สามารถเขียนจนได้ประสบความสำเร็จกันเลยทีเดียว และอีกหลายคนก็มุ่งหน้าเป็นอาชีพนี้โดยอยากที่จะมีผลงานที่เป็นของตนเอง

การที่เข้าสู่ในยุคปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็นยุคที่คนสามารถทำงานได้หลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะพวกเขาจะได้สร้างสรรค์ผลงานให้มีชื่อเสียงได้อีกทางหนึ่ง บางคนเขียนจนมีชื่อเสียงโด่งดังกันเลยนะ มีการพูดถึงเรื่องราวนี้โดยทิศทางวรรณกรรม จะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย

นักเขียนที่เป็นยุคใหม่ ได้แก่ใครได้บ้าง

สำหรับนักเขียนที่มาแรง เขียนขีดเรื่องราวให้ตนเองโด่งดัง นั่นก็คือ คุณปองวุฒิ รุจิระชาคร โดยผลงานของเขาเป้นการเขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับสังคมได้ออกมาโดดเด่น โดยขับเคลื่อนไปในยุคที่มีการใช้งานเน็ต โดยแบ่งแยกจนมีสีสันหลากหลายมากยิ่งขึ้น ยิ่งสมัยนี้มีเนื้อหาที่หลากหลายรูปแบบแตกต่างออกไป 

นักเขียนตำนานที่เรียกว่านิยาย ที่เห็นว่าจะยืนหนึ่งตลอดกาลก็คือ คุณปาริฉัตร ศาลิคุปต หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือ กิ่งฉัตร โดยเขาได้ให้คำพูดมาว่าคนในยุคใหม่ๆมักจะมือฝีไม้ลายมือ และในยุคนี้อะไรอะไรก็เปิดขยาย ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเหมือนดังเช่นสมัยก่อน โดยไม่ว่าใครก็ตามสามารถที่จะเป้นนักเขียนที่มีชื่อเสียงได้ทั้งนั้น

เมื่อท่านมีความคิดและมีแรงในการเขียนแล้ว สิ่งจำเป็นที่ท่านจะต้องนึกถึงก็คือข้อมูลที่จะขีดเขียนลงไป สกุล บุณยทัต ได้กล่าวเอาไว้ ในสมัยก่อนคนมักจะเขียนเรื่องราวมาจากข้อมูล ความคิด และความเป็นไปได้ แต่ทว่าคนในยุคนี้นั้นไม่มีขอบเขตที่จะขีดเขียน จึงต้องมีความคิด สติ เพื่อที่จะสานต่อ เพื่อให้ผลลัพออกมาดี 

และคนในยุคนี้ก็น่าจะทำมันได้ดีกว่าด้วย เพราะสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวก ความคิดมันค่อนข้างที่จะดี ส่งเสริมให้มีการคิดรูปแบบใหม่ๆออกมา โดยผลของมันก็น่าจะดีกว่า ไม่น้อยเลยที่เราจะเห็นเด็กรุ่นใหม่โดดเด่นเรื่องเหล่านี้

เรามักจะเห็น โอกาส ลอยอยู่บนอากาศ

 เชื่อว่าการเขียนแต่ละเรื่องจะต้องง่ายมากยิ่งขึ้นแต่ว่าคุ๋แข่งของเราก็เยอะไปด้วย ดังนั้นการที่ต้องการมีผลงานที่ดี หรือมีคนชื่นชอบก็ต้องจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องที่สนใจและยากมากกว่าเดิม การเป็นนักเขียนไม่ได้ยาก แต่คุณจะต้องมีความคิดที่ดี และจะต้องไปต่อได้ ไม่ติดขัด หรือนำเสนอเรื่องที่ซับซ้อนจนเกินไป เพราะเรื่องน่าค้นหามันก็ดีกว่าเรื่องที่ไม่น่าติดตาม ยังไงก็ตามแต่คุณควรที่จะมีมุมมองที่กว้าง เอาไว้ ถ้าหากอยากเป็นนักเขียน

 

 สนับสนุนโดย.    agplus

ดราม่า ครูสอนภาษาอังกฤษผิด ทักไปบอกแต่ อีโก้จัด หัวร้อนไม่ยอมสอน 

   ดราม่า ครูสอนภาษาอังกฤษผิด  วันที่ 24 เดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. 2564 มีกระแสเรือมากเกิดขึ้นในโลกออนไลน์เมื่อมีผู้ปกครองคนหนึ่งได้มีการโพสต์ลง Facebook ส่วนตัวระบุว่าเธอนั้นรู้สึกอารมณ์เสียมากและกำลังโกรธมากเธอไม่พอใจมากกับการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์

เนื่องจากว่าในขณะที่ลูกของเธอเรียนวิชาภาษาอังกฤษเธอได้นั่งเรียนไปพร้อมกับลูกด้วยและได้เห็นวิธีการที่คุณครูสอนนั้นเป็นการสอนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ไม่ถูกต้องทำให้ผู้ปกครองรายนี้ทำการเปิดไมโครโฟนเพื่อไปทำการแจ้งคุณครูผู้สอน

    อย่างไรก็ตามครูคนดังกล่าวกลับไม่พอใจที่ผู้ปกครองแจ้งในขณะที่กำลังสอนอยู่คุณครูคนดังกล่าวพยายามที่จะสอบถามว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กคนไหนและต้องการให้ผู้ปกครองนั้นเปิดหน้าตาให้ดูซึ่งทางด้านผู้ปกครองเองก็ได้มีการปฏิเสธไป

เนื่องจากไม่สะดวกโดยระบุว่าเธอยังไม่ได้มีการแต่งหน้าอย่างไรก็ตามผู้ปกครองคนดังกล่าวระบุว่าเธอได้มีการสอบถามเพื่อนๆคนอื่นๆที่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษแล้วยืนยันว่าข้อมูลที่คุณครูสอนนั้นไม่ถูกต้องซึ่งสิ่งที่เธอไม่พอใจมากนั่นก็คือครูกับตอบเธอมาว่าลูกของเธอนั้นไม่ได้เรียน English Program ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษก็จะได้เพียงแค่นี้   

       อย่างไรก็ตามผู้ปกครองรายนี้มองว่าต่อให้ลูกของเธอนั้นเรียนแค่โรงเรียนวัดแต่การเรียนการสอนก็ควรจะสอนให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ไม่ควรสอนให้เด็กท่องจำในสิ่งที่ผิด  นอกจากนี้เธอยังรู้สึกไม่พอใจผู้ปกครองรายอื่นเนื่องจากว่าในขณะที่ คุณครู LINE นี้ไม่พอใจเธอ

และไม่ยอมสอนเด็กนักเรียนต่อนั้นผู้ปกครองคนอื่นกลับมาให้กำลังใจคุณครูซึ่งเธอมองว่าสั่งสอนลูกหลานของพวกเขาในข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเธอพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ทำไมผู้ปกครองทุกคนในห้องถึงให้กำลังใจคนที่สอนในสิ่งผิดๆให้ลูกหลานของตนเองอ

   ย่างไรก็ตามเธอได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่าเหตุผลที่เธอไม่มีการส่งข้อความผ่านทาง LINE ไปหาครูที่สอนแต่เลือกที่จะมีการเปิดไมค์คุยแทนในขณะที่ครูกำลังสอนเธอเห็นว่าครูกำลังสอนและเด็กกำลังท่องจำซึ่งครูสามารถแก้ไขให้เด็กนักเรียนทราบข้อมูลที่ถูกต้องได้ทันทีและเธอเกรงว่าถ้าหากส่งข้อความไปคุณครูจะไม่อ่านข้อความของเธอเพราะครูกำลังสอนหนังสืออยู่นั่นเอง   

      หลังจากที่โพสต์นี้มีการเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์  ทำให้มีหลายคนคอมเม้นต์เข้าไปให้กำลังใจผู้ปกครองรายนี้เนื่องจากว่าคนในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่มองว่าผู้ปกครองท่านนี้ทำสิ่งที่ถุกต้องแล้ว เมื่อผิดสามารถเตือนได้ เพื่อที่เด็กจะได้เรียนในสิ่งที่ถูกไม่เข้าใจแบบผิดๆ ในขณะเดียวกันครูก็ไม่ควรจะอีโก้จัด และหัวร้อน จนไม่ฟังคำทักท้วงของผู้ปกครอง ซึ่งเรื่องนี้ควรร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน

 

สนับสนุนโดย.    หวยฮานอย บาทละ 1000

ประวัติผลงานด้านการออกแบบและวาดภาพของ ไมเคิล แองเจโล่ 

      วาดภาพของ ไมเคิล แองเจโล่   Creation of Adam สุดยอดจิตรกรรมแห่งยุคเรอเนซองส์  จากประสบความสำเร็จจากงานประติมากรรมพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ก็ได้ว่าจ้างให้แองเจโล่ในช่วงอายุ 30 ปีมาวาดภาพเขียนสีเฟรสโกบนเพดานของโบสถ์ซิสทีนในสำนักวาติกัน

และว่าเขาจะไม่เคยเป็นจิตกรอย่างจริงจังแต่ในช่วงวัยรุ่นแองเจโลก็เคยฝากตัวเป็นศิษย์ของโดเมนิโก้วีรันดาโยจิตรกรชื่อดัง ดาเฟสโก้มาก่อน  ทำให้เขาได้เรียนรู้การวาดภาพสีลงไปบนผนังปูนเปียกซึ่งเป็นเทคนิคขั้นสูงในยุคนั้นที่ต้องใช้ฝีมือเป็นอย่างมาก

      เพราะศิลปินจะต้องทำงานอย่างรวดเร็วให้เสร็จก่อนที่ปูนจะแห้งบนพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตรของเพดานโบสถ์ประกอบไปด้วยรูปภาพ 9 ชุดด้วยกันเราเรื่องราวของการสร้างโลกของพระเจ้ากำเนิดอดัมและอีฟรวมไปถึงเรื่องราวของโนอาห์ภาพชุดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการสร้างอาดัม The creation of Adam ที่เป็นตัวแทนของจิตรกรรมฝาผนังในยุคเรอเนซองส์อย่างแท้จริงที่มีคนกล่าวขวัญถึงมากที่สุดชิ้นหนึ่ง

     สำหรับภาพดังกล่าว เป็นภาพของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานลมหายใจให้แก่อดัมมนุษย์คนแรกของโลกผ่านการสัมผัสด้วยนิ้วชี้มันจะใช้เวลาวาดภาพการสร้างระดับนี้เพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้นแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสวยงามทางศิลปะและสัญลักษณ์ต่างๆที่ซ่อนไว้ภายในภาพด้วยภาพทั้งหมดในกระดานส่วนนี้ประกอบไปด้วย 300 รูปภาพย่อยที่ต้องใช้เวลารวมถึง 4 ปีด้วยกันจึงแล้วเสร็จ 

      นอกจากนี้ ไมเคิล แองเจโล่ ยังได้วาดภาพพระเยซูเปลือยบนเพดานโบสถ์ที่วิหาร System thebest Cargo การตัดสินครั้งสุดท้าย The Last judgement บริเวณด้านหลังแท่นบูชาขนาดพื้นที่ประมาณ 12 ตารางเมตรเราเรื่องราววันสิ้นโลกและการฟื้นคืนชีพขององค์พระเยซูคริสต์ที่ทรงเสด็จมาตัดสินมนุษย์  ซึ่งในตอนนั้นไมเคิล แองเจโล่นั้นใช้เวลาวาดนานถึง 8 ปี

จึงแล้วเสร็จกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเพราะพระแม่มารีและ และพระเยซูดูโป๊เปลือยมากจนเกินไปซึ่งในเวลาต่อมานั้น ทางสำนักวาติกันนั้นจึงขอให้ลูกศิษย์ของแองเจโล่มาแก้ไขผลงานด้วยการวาดเสื้อผ้าเสริมทัพเข้ามาบนรูปเดิม

     ไมเคิล แองเจโล่  ได้ร่วมเป็นสถาปนิกสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์  ด้วยความที่แองเจโล่เป็นประติมากรชื่อดังจึงมีผู้ว่าจ้างให้แองเจโล่ทำรูปแกะสลักหินเพื่อนำไปใช้ตกแต่งสุสานตามธรรมเนียมนิยมในยุคนั้นจนพัฒนามาสู่การออกแบบตกแต่งอาคารซึ่งแองเจโลก็ทำได้ดีไม่แพ้กันผลงานด้านการตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงของแองเจโลก็คือ โบสถ์ซานลอเรนโซ่  โดยเฉพาะบริเวณโถงบันไดซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ในยุคนั้น

     ก่อนจะได้รับงานใหญ่ในช่วงบั้นปลายของชีวิตได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสถาปนิกดูแลการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สถาปัตยกรรมสำคัญของนครรัฐวาติกันกรุงโรมที่ก่อสร้างต่อเนื่องยาวนานถึงกว่า 50 ปี

และเขาเสียชีวิตลงด้วยวัย 89 ปีก่อนที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์จะแล้วเสร็จแต่ชื่อของเขาและสถาปนิกอีกหลายคนก็ได้รับการจารึกถึงความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารซึ่งมีโครงหลังคาอันโดดเด่นและเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมแห่งยุคเรอเนซองส์ซึ่งส่งอิทธิพลไปยังอากาศที่อื่นในยุคต่อมา 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  แทงหวยออนไลน์

ภาพ Untitled no.11  – Mark Rothko 

หากใครที่เคยเห็นภาพ  Untitled no.11  – Mark Rothko เชื่อว่าหลายคนต้องคิดอย่างเดียกวันเลยนั่นก็คือนี่คือภาพศิลปะราคาแพงจริงจริงหรือ ? 

สาเหตุที่เชื่อได้เลยว่าหลายคนต้องมีความคิดแบบนี้นั่นก็เพราะภาพ Untitled no.11  – Mark Rothko  ดังกล่าวนั้น มันเหมือนกับการทาสีให้ทั่วและแปะอีกสีทับลงไปซะมากกว่า  

         สำหรับภาพ  Untitled no.11  – Mark Rothko  นี้ให้นับสีในภาพแล้วอาจจะนับอย่างคร่าวๆได้ 2 สีคือส้มและขาวหรือยังมากกว่า 3 นั่นก็คือส้มเหลืองและพื้นที่สีขาวตรงกลางที่เว้นว่างเปล่าเอาไว้

ภาพนี้เรียกได้ว่าเป็นภาพที่มีรายละเอียดน้อยที่สุดกว่าทุกภาคที่กล่าวมาเสียอีกแต่มันกลายเป็นภาพที่มีมูลค่าสูงได้อย่างไร  Mark Rothko  ใช้กลวิธีอะไรในการสร้างมูลค่าให้ภาพนี้ก่อนนะเราจะไปหาคำตอบกันค่ะ

     Mark Rothko ศิลปินเชื้อสายรัสเซียที่อพยพเข้ามาในอเมริกาได้สร้างผลงานสะเทือนวงการมากมายในประเทศมหาอำนาจนี้เทคนิคของเขาคือการใช้รูปแบบพื้นที่และสีเพื่อเป็นจุดเด่นในผลงานของเขาเขาจะวาดรูปออกมาในสไตล์คล้ายๆเดิม

หากคุณได้ไปถึงผลงานแบบนี้ที่ไหนคุณจะบอกได้เลยว่านี่คือผลงานของ Mark Rothko  อย่างแน่นอนและ Mark Rothko ก็มีแนวคิดที่ว่าแทนที่จะเริ่มว่าด้วยการดออิ้งหรือวาดจากเส้น Mark Rothko  จะเริ่มวาดภาพของเขาด้วยสี และ Mark Rothko ใช้สีมากกว่า 1 สีเพื่อสร้าง ความพิเศษให้กับภาพด้วย การไล่สีและเล่นแสงของ ภาพ

         Mark Rothko ภาพของเขาจึงต้องจ้องมองเพ่งพิจารณากันนานพอดูจึงจะค่อยๆเห็นรายละเอียดของการไล่สีและความกลมกลืนที่เขาได้แอบซ่อนมันอยู่ภายใต้ความเรียบง่ายของภาพนั้นผู้คนที่ได้มองภาพต่างกล่าวว่าภาพที่มีรายละเอียดไม่มากของเขาทำให้เราไม่ต้องใช้ความคิดที่จะมองมันมากนักเหมือนกับได้หลุดเข้าไปในห้วงความคิดของตัวเราเอง

หาให้เราล่องลอยไปในอารมณ์และความรู้สึกคล้ายกับการที่เราได้นั่งสมาธิและมีสติอยู่กับตนเองนั้นเอง พัฒนาการที่เหมาะสมกับภาพศิลปะน้อยสีนี้อยู่ที่ 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับอีกนิดหน่อยเท่านั้นหรือคิดเป็นเงินไทยก็คือกว่า 1,500 ล้านบาทนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคนจะชื่นชอบศิลปะเหมือนกันแต่ศิลปะนั้นมีมากมายหลายแขนงซึ่งคาดว่าด้วยการวาดลงสีด้วยดินสอก็เป็นอีกศิลปะแขนงหนึ่งหรือการวาดภาพด้วยสีอย่างเดียวโดยที่ไม่จำเป็นที่ต้องลงรายละเอียดของดินสอเลยก็เป็นอีกศิลปะแขนงหนึ่งนั้น

ดังนั้นเราไม่สามารถบอกได้ว่าภาพแบบไหน มีความสวยงามมากกว่ากันเพราะมันอยู่กับความชื่นชอบของคนและบุคคลดังนั้นภาพวาดของ  Mark Rothko ถึงแม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดมากนักแต่ก็ได้ใจคนที่ชอบงานด้านศิลปะจึงทำให้ภาพมีมูลค่าสูงขึ้นมานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.  aesexy

TOYOTA เกี่ยวข้องอะไรกับประวัติศาสตร์

TOYOTA เกี่ยวข้องอะไรกับประวัติศาสตร์ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมารถมาเริ่มขึ้นมาได้อย่างไงเมื่อพอเราไปดูพวกเหล่านี้ว่ามันเกี่ยวข้องกับประวัวติศาสตร์อย่างไงปรากฎว่าไปเจอข้อมูลที่น่าสนใจเต็มไปหมดเลยดังนั้นเราอยากเอาข้อมูลสนุกๆที่ไปเจอมามาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน

ซึ่งข้อมูลส่วนหนึ่งที่เราไปเจอมาในวันนี้และน่าสนใจมากๆก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ ยี่ห้อรถยนต์ที่เราจะคุ้นเคยก็เป็นอย่างดีแต่ว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่เต็มไปหมดเลย หวยออนไลน์บาทละ 1000ที่ทุกคนไม่เคยรู้มาก่อนนั่นคือข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ TOYOTA นั่นเองเมือ่พูดถึงยี่ห้อนี้หลายคนก็น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่ TOYOTA จะมาผลิตรถยนต์บริษัท TOYOTA เคยเป็นเครื่องจักรทอผ้ามาก่อนน่าสนใจแล้วใช่ไหมเดี๋ยวเรามาดูกันว่าทำไมบริษัท TOYOTA ถึงเคยผลิตเครื่องจักรทอผ้าเกี่ยวข้องยังไงกับประวัติศาสตร์โลกและประวัติศาสตร์โลกส่งผลอย่างไรกับ TOYOTA จนกระทั่งกลายมาเป็นรถยนต์ชื่อดังที่ได้ขับกันอยู่ตอนนี้

เมื่อฟังชื่อของ TOYOTA แน่นอนว่าคุณคนจะต้องรู้แน่ว่า TOYOTA เป็นบริษัทของญี่ปุ่นถ้าจะให้เข้าใจต้นกำเนิดของ TOYOTA อย่างจริงจังเราขอย้อนกลับไปถึงสังคมญี่ปุ่นสมัยล่าอาณานิคมหากใครที่ศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็พอจะรู้ว่าก่อนยุคล่าอาณานิคมต่างๆญี่ปุ่นค่อนข้างจะปิดประเทศคือจะไม่ติดต่อขายกับใครจะขอซื้อกับบางประเทศเท่านั้น

ซึ่งในยุคนั้นผู้ที่มีอำนาจอยู่ก็คือโซกุนนั่นเองที่ขึ้นมามีอำนาจเหนือกว่าจักรพรรดิญี่ปุ่นอย่างไรก็ดีในยุคสมัยจักรพรรดิแทบจะไม่มีอำนาจอะไรต่างๆเลยจนกระทั่งช่วงศตวรรษที่19เริ่มมีการล่าอาณานิคมเกิดขึ้นบนโลกแน่นอนว่าญี่ปุ่นก็ต้องได้รับผลกระทบด้วยถูกไหม

นอกจากนี้ต่างชาติก็เริ่มเข้ามากดดันต่างๆประมาณว่าญี่ปุ่นต้องเปิดประเทศได้แล้วเราอยากค้าขายกับเธอซึ่งเหตุการณ์ค้าขายการกดดันล่าอาณานิคมต่างๆทำให้สังคมภายในของญี่ปุ่นค่อนข้างเปลี่ยนไปอย่างมากคือระบบของโชกุนค่อยๆล้มสลายไปและจักรพรรดิก็เริ่มกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม

ซึ่งจักรพรรดิที่กลับมามีอำนาจในยุคนั้นก็คือจักรพรรดิเมจินั่นเองตรงกับรัชกาลที่5ของเราแน่นอนว่ายุคเมจิของญี่ปุ่นก็ต้องคล้ายๆกับยุคสมัยรัชกาลที่5ของไทยที่มีการเปิดประเทศมากขึ้นมีเทคโนโลยีอะไรต่างๆจากเมืองนอกเข้ามามากขึ้นดังนั้นสังคมญี่ปุ่นระบบชนชั้นก็เลยเข้มข้นน้อยลงคนธรรมดาสามารถมีการศึกษาได้

พอมีการศึกษาก็ผลิตนวัฒกรรมเป็นของตัวเองศึกษาสิ่งดีผลิตได้หลายอย่างซึ่งหลายคนถ้าไม่ได้ศึกษาดีพอก็คงจะเข้าใจกันไปเองว่าญี่ปุ่นคงรับเทคโนโลยีจากเมืองนอกเข้ามา100%เลยแต่จริงๆไปศึกษาลึกๆก็รู้เลยว่าญี่ปุ่นมีการผลิตอะไรบางอย่างขึ้นมาเองเช่นเดียวกัน